เมื่อเช้าวันที่ 2 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุ สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจาก คณะกรรมการวัด บ่อพุทธาราม หมู่ 1 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ว่า ได้มีคนร้ายบุกเข้าไปงัดตู้บริจาค ใต้ฐานหลวงปู่ทวด ทรัพย์สินของวัดเสียหาย และเงินบริจาค หายไปจำนวนมาก ทาง พ.ต.อ.เด่นดวง ทองศรีสุข ผกก.สภ.บ่อผุด ได้สั่งการให้ตำรวจสืบสวน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ
โดยตำรวจสืบสวน ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ขณะคนร้าย 2 คนใช้เสื้อคลุมหัวเป็นไอ้โม่ง บุกเข้าไปงัดตู้บริจาค หลังก่อเหตุเดินออกมาเห็นกล้องยกหัวแม่โป้ง แบบกดไลค์อีกหนึ่งครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แกะรอย จนทราบว่าคนร้ายเป็นชายไทยวัยรุ่น 2 คน และ ติดตามจับกุมได้โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ภายในแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ห่างจากวัดไม่มากนัก พบ นายธีรเทพ อายุ 17 ปี ภูมิลำเนา อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเด็กชายวาเลนไทน์ อายุ 15 ปี ภูมิลำเนา อ.กุดจับ จ.อุดรธานี
นอกจากนี้ตำรวจสืบสวนยังได้ยึดของกลางเงินเหรียญบาทและเหรียญชนิดต่าง ๆ ประมาณ 3,000 บาท และคีมเหล็กขนาดใหญ่ อุปกรณ์ ที่ใช้ก่อเหตุ และนำตัวไปทำการสอบสวน ที่หน่วยบริการประชาชนสามแยกบ้านบ่อผุด
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั่ง 2 ราย ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุจริง โดยได้แอบเข้าไปงัดตู้บริจาคเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ค่ายาเสพติด
ขณะที่ นางสุดารัตน์ คณะกรรมการวัด บ่อพุทธาราม และเป็นผู้ดูแลทำความสะอาด ภายในวัด นำผุ้สื่อข่าวไปดูพร้อมชี้จุดที่เกิดเหตุ ที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุ โดยพบว่าคนร้ายได้งัดประตูม้วนใต้องค์หลวงปู่ทวด ซึ่งเป็นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุด ใน อ.เกาะสมุย และเป็นที่ประชาชนศรัทธาและไปกราบไหว้ ของประชาชนชาวเกาะสมุย และนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาท่องเที่ยวต้องเข้าไปกราบไหว้
โดยพบว่าคนร้ายได้ทำการจัดประตูม้วน เข้าไปและทำลายกล้องวงจรปิด ที่อยู่หน้าประตูม้วนหนึ่งตัว จากนั้นคนร้ายได้ ใช้คีมเหล็กตัดแม่กุญแจ ที่ตู้รับบริจาค ไปจำนวน 3 ตู้ พร้อมกวาดเหรียญในตู้ออกไปหมด จากนั้นคนร้ายได้ไปเปิดตู้เย็น นำน้ำส้มและผลไม้ มากินพร้อมทิ้งขวดน้ำอัดลม และเปลือกผลไม้ที่ไว้ให้ดูต่างหน้าเกลื่อน
ด้านนายธีรเทพ อายุ 17 ปี ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า โดยตนติดยาเสพติดมาแล้ว 2-3 ปี ก่อนเกิดเหตุ ได้มีเพื่อนชายคนหนึ่ง ที่ตนได้ติดหนี้สินไว้ จำนวนหนึ่ง เป็นหนี้สินมาจากค่ายาเสพติด บอกให้ตนหสเงินมาใช้หนี้ และตนได้ชวนเด็กชายวาเลนไทน์ มาร่วมก่อเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า พ่อกับแม่แยกทางกัน และพ่อติดคุกในคดียาเสพติด ส่วนแม่ไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต ส่วนตนกับเด็กชายวาเลนไทน์ มารับจ้างทำงานทั่วไป และมักจะมาเดินในวัด และบางครั้งก่อเตยขอข้าววัดกิน ผู้ต้องหากล่าว
ด้านทาง เจ้าอาวาสวัดบ่อพุทธาราม ไม่เอาเรื่องและให้โอกาศกับเด็กผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่วนการดำเนินคดีอย่างไรนั่นให้เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ