
เมื่อวานนี้ (2 มี.ค. 68) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย ตามนโยบายของ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร ให้เข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นางสาววรรณา ผู้อุตส่าห์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย ได้สั่งการให้ นายสมจินต์ จิตรสมนึก ผอ.สบศ.1, นายพัฒนพงศ์ ตันติวัฒนกุลัย หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 และเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว ร่วมกับตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย
ร่วมกันจับกุม นางสาวสุภานุช อายุ 27 ปี ชาว อ.เชียงคำ จ.พะเยา และนางสาวศศิภา อายุ 39 ปี ชาว อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย หลังจากที่ทั้งสองคนนำธนบัตรสกุลเงินบาทใส่กระเป๋าเดินทางเข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นความผิดฐานนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นของอันพึงต้องริบตามมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นความผิดฐานส่งหรือนำเงินตราต่างประเทศหรือตราสารเปลี่ยนมือดังกล่าวต่อพนักงานศุลกากร อันเป็นการฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการควบคุมแลกเปลี่ยนเงิน
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านพรมแดนตามปกติ นางสาวสุภานุชและนางสาวศศิภา เดินทางด้วยรถโดยสารระหว่างประเทศ สายนครหลวงเวียงจันทน์–หนองคาย เข้าประเทศไทยและเข้าทำพิธีการผ่านแดน เจ้าหน้าที่ศุลกากรพบว่ามีการนำกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มาด้วย จึงนำเข้าเครื่องเอกซเรย์ตามมาตรการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย
โดยพบวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นสิ่งของต้องห้ามหรือมีข้อจำกัดวางเรียงกันอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางของทั้งสองใบ เมื่อตรวจอย่างละเอียดพบว่า
- กระเป๋าเดินทางของนางสาวสุภานุช พบธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2,100 ฉบับ รวม 2,100,000 บาท
- กระเป๋าเดินทางของนางสาวศศิภาพบธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 1,500 ฉบับ รวม 1,500,000 บาท
จากการสอบสวนทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า มีชาวม้งว่าจ้างให้ไปรับกระเป๋าเดินทางที่ประเทศเพื่อนบ้านแล้วให้นำกลับไปภาคเหนือของไทย ส่วนจะเป็นจังหวัดใดจะแจ้งภายหลัง โดยทำเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย และยินดีให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามระเบียบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการระงับคดีในชั้นศุลกากร โดยยินยอมให้ยกของกลางตกเป็นของแผ่นดินและชำระค่าปรับตามที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ ซึ่งจะมีโทษปรับรายแรก 150,000 บาท รายที่สอง 420,000 บาท