เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นเมืองที่เปรียบดั่งเป็นประตูที่เชื่อมต่อระหว่างโลกเอเชียและโลกฝั่งยุโรปของนักเดินทางทุกๆ คน เพราะปกติแล้วเวลาเราจะบินไปเที่ยวที่ยุโรป ก็มักจะต้องแวะพักกันที่ดูไบเสมอ จึงทำให้เมืองแห่งนี้ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมเมืองกลางทะเลทรายกันอย่างหนาแน่นในทุกๆ ปี ซึ่งถ้ามองให้ลึกลงไปแล้วนอกจากจะเป็น Hub สำหรับการพักต่อเครื่องแล้ว ที่ดูไบยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายที่รอให้นักเดินทางได้มาพบเจอ เมืองที่มีความผสมผสานทั้งเทคโนโลยีความทันสมัย ธรรมชาติที่สวยงาม รวมไปถึงสิ่งก่อสร้างอันโอ่อ่าอลังการทั่วทั้งเมือง ไปลองดูกันว่าบนแบ็คกราวด์ของเมืองแห่งทะเลทรายนี้ มีอะไรให้เราเที่ยวกันบ้าง
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่ดูไบในครั้งนี้เราใช้บริการของสายการบิน Emirates ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของ UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) โดยจองตั๋วเครื่องบินแบบ Bussiness Class ของทาง Emirates ที่มีบริการรับส่งผู้โดยสารตั้งแต่บ้านของคุณจากในเมืองไทยมายังสนามบิน พร้อมใช้บริการเลานจ์สุดหรูจองทาง Emirates ได้ที่ใน Gates
แล้วเรายังได้มีโอกาสได้นั่งเครื่อง A380 เครื่องบินที่เป็นดั่ง Flagship ของ Emirates ในทริปนี้ด้วย เรียกได้ว่าภายในทั้งหรูหราอลังการ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่นั่งกว้างขวาง มีเลานจ์สุดหรูอยู่บนเครื่องให้บริการเครื่องดื่มตลอดทริป รวมไปถึงอาหารที่สามารถเลือกสั่งได้ตามความต้องการ เปิดประสบการณ์การทานอาหารบนเครื่องที่เหมือนยกเอาร้านระดับมิชลินลอยฟ้าขึ้นมาเสิร์ฟเราถึงโต๊ะที่นั่งเลย แล้วเมื่อเดินทางมาถึงดูไบก็จะมีบริการรถรับส่งจากสนามบินไปส่งเราที่โรงแรมอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สุดล้ำค่าที่สักครั้งในชีวิตควรลองจริงๆ สำหรับคนที่ชอบการเดินทาง
ข้อควรรู้ก่อนเที่ยวดูไบ
- จากเมืองไทยใช้เวลาเดินทางสู่ดูไบประมาณ 6 ชั่วโมง
- ค่าเงินของดูไบจะอยู่ที่ประมาณ 1 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เท่ากับ ประมาณ 10 บาท ไทย เวลาจะซื้อของให้คูณ 10 จากราคาของไปได้เลย
- อากาศที่ดูไบจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35-40 องศาเซลเซียส
- ที่ดูไบและในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศอิสลามที่จะไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขาย จะมีจัดโซนให้ดื่มได้บางส่วนเท่านั้น
- สามารถใช้งานอินเตอร์เนตในดูไบได้โดยการซื้อโรมมิ่งไปจากประเทศไทย
- เวลาในดูไบจะเร็วกว่าเมืองไทย 3 ชั่วโมง
11 พิกัดเที่ยวดูไบ 2023 เมืองแห่งอนาคตที่สร้างขึ้นบนทะเลทราย
1.Dubai Frame
เริ่มต้นกันด้วยสถานที่แรก Dubai Frame สถานที่ที่เป็นดั่งแลนด์มาร์คของเมือง Dubai สถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่ตระการตา สมกับเป็นดูไบอย่างแท้จริง ซึ่ง Dubai Frame ถือเป็นสถาปัตยกรรมทรงกรอบรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ใช้ทุนสร้างถึง 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
ด้านใน Dubai Frame เปิดให้เข้าชมเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาในอดีตของดูไบตั้งแต่การเริ่มก่อสร้างไปจนถึงแผนการพัฒนาเมืองในอนาคต
ส่วนด้านบนจะเป็นจุดชมวิวเมืองดูไบจากมุมสูง ที่มีทางเดินพื้นกระจกให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปแบบหวาดเสียวกันด้านบน เห็นในภาพว่าสูงแล้ว พอไปยืนของจริงบอกเลยว่ามีขาสั่น ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คห้ามพลาดของ Dubai เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/C9yAo1yePEBH8wYn9
เวลาเปิด – ปิด : 9.00 – 21.00 น.
2.Burj Khalifa
ตึก Burj Khalifa ตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกของปัจจุบันนี้ ด้วยความสูงกว่า 828 เมตร ที่นี่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเมืองดูไบ โดยชื่อของตึกนี้อ้างอิงจาก Khalifa bin Zayed Al Nahyan ประธานาธิบดีคนที่สองแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนอกจากนี้ยังเป็นฉากหลังในการถ่ายทำเรื่อง Mission Impossible ในภาค Ghost Photocal ด้วย เพราะฉะนั้นมาดูไบทั้งทีจะพลาดที่นี่ได้อย่างไร
ด้านในตึก Burj Khalifa เป็นที่ตั้งของ สำนักงาน ภัตตาคาร คอนโด สระว่ายน้ำแบบเอาท์ดอร์ สุเหร่า หอดูดาวกลางแจ้ง และจุดชมวิวสูงที่สุดในโลก จากจุดนี้คุณสามารถมองเห็นเห็นวิวเมืองดูไบได้แบบ 360 องศา มองออกไปได้ไกลจนถึงทะเล และสุดเขตแดนทะเลทราย เป็นวิวสวยที่ควรค่าแก่การมาเก็บภาพความทรงจำอย่างแท้จริง
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Abf2RTaC1zAEcahS6
เวลาเปิด – ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง
3.Dubai Fountain
หลังจากลงมาจากตึก Burj Khalifa แล้ว คุณสามารถมารอชมการแสดงน้ำพุกันได้ที่บริเวณ Dubai Fountain บริเวณหน้าห้าง Dubai Mall ซึ่งการแสดงน้ำพุนี้จะมีประจำในแทบจะทุกค่ำคืน ชมน้ำพุสุดอลังการพร้อมวิวด้านหลังเป็นตึก Burj Khalifa สวยงามประทับใจแน่นอน
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/EXCuBWchEBnLho57A
4.ฺBurj Al Arab
อีกหนึ่งตึกสวยที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของดูไบเช่นกัน ใครมาดูไบก็มักจะแวะมาชมมาถ่ายรูปกันไม่แพ้ที่ Burj Khalifa นั่นก็คือที่ตึก Burj Al Arab นั่นเอง ที่นี่คือโรงแรมหรูระดับ 7 ดาวเพียงไม่กี่แห่งของโลก ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรูหราอลังการด้านใน
ส่วนรูปทรงของตึกนี้จะเป็นรูปเรือใบที่มีเอกลักษณ์ นักท่องเที่ยวนิยมมาหามุมถ่ายรูปสวยๆ กับตึกนี้จากภายนอก เพื่อเก็บเป็นความทรงจำระหว่างการมาเยือนดูไบ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZsLVHq2eCEmMeX7t5
5.Palm Jumeirah
หากพูดถึงดูไบ ภาพของเกาะรูปต้นปาล์มคงจะเป็นภาพจำของหลายๆ คน และเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ที่อยากจะลองมาสัมผัสกับเกาะรูปต้นปาล์มแห่งนี้สักครั้ง กับ Palm Jumeirah พื้นที่อยู่อาศัยที่ยื่นไปในทะเลสร้างจากฝีมือมนุษย์ในเมืองดูไบ
ใน Palm Jumeirah นี้จะมีทั้งห้างสรรพสินค้า และบ้านจัดสรร รวมถึงสำนักงานต่างๆ เรียกได้ว่าอยู่กันเป็นอีกเมืองหนึ่งเลย เกาะแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อขยายพื้นที่และสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับชาวดูไบ รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย
เมื่อขับรถมาถึงส่วนยอดของต้นปาล์มจะเป็นคอมมูนิตี้มอล์ริมทะเล ที่สามารถมาเดินเที่ยว นั่งรถรางชมวิว และนั่งพักผ่อนชิลๆ ริมทะเลกันได้ ทะเลของดูไบนั้นสวยงามเกินกว่าที่คิดไปเยอะมาก น้ำทะเลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ น่าลงไปเล่นสุดๆ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยงาม หากมาเที่ยวที่ Palm Jumeirah ลองแวะมากันครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/nqiGrnFngRRajV8m9
6.Dubai Marina
สถานที่ต่อไปจะเป็นท่าเทียบเรือยอร์ชของเมืองดูไบ ถ้าใครอยากจะเห็นว่าดูไบหรูหราและร่ำรวยขนาดไหน ต้องมาดูที่นี่ เรือยอร์ชเป็นร้อยๆ ลำ จอดเรียงรายกันอยู่ที่นี่ แต่ละลำหรูหราอลังการ ล้อมรอบไปด้วยทะเลตึกที่สูงใหญ่ เป็นอีกหนึ่งมุมห้ามพลาดของดูไบเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/5Jsa7ojAnhmAAADc6
7.Museum of the Future
มาดูไบแล้วไม่ได้มาเห็นที่นี่ด้วยตาตัวเองถือว่าพลาด! เพราะนี่คืออาคารที่สวยที่สุดในโลก ภายใต้ชื่อว่า Museum of the Future หรือพิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต เราสามารถเยือน มาถ่ายรูปที่นี่ได้แบบ Sightseeing หรือจะเข้าไปเยี่ยมชมด้านในก็ได้
ต้องบอกเลยว่าคอนเซปต์การออกแบบนั้นล้ำสมัยและสวยงามมากจริงๆ เป็นสถาปัตยกรรมที่ดูโฉบเฉี่ยวแปลกตา และแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปดื่มด่ำกับงานศิลปะชิ้นนี้กันครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/mH1SiUua13feQvSt5
เวลาเปิด – ปิด : 10.00 – 19.30 น.
8.Old Town Dubai
ดื่มด่ำกับความศิวิไลซ์ของเมืองดูไบกันไปแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมย่านเมืองเก่าของเมืองดูไบกันบ้าง ที่ย่านเมืองเก่านี้ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมการก่อสร้างบ้านเรือนแบบโบราณของเมืองดูไบ ที่เน้นคุมโทนใช้สีครีมเป็นหลัก เข้ากับพื้นที่แห่งทะเลทราย ถ้าใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงฉากหลังของเกม Counter Strike ใน Map De Dust 2 บอกเลยว่าได้ฟีลแบบนั้นเลย
นอกจากนี้ยังมีบ้านตัวอย่าง ที่เป็นบ้านโบราณของชาวดูไบให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชมและเรียนรู้ประวัติความเป็นมา และชิมชาพื้นเมืองของชาวดูไบ เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ถ่ายรูปสวยมากๆ เลยในดูไบ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ia4oSyawc5jENDAY8
9.Old Souk Dubai
ถัดจากย่านเมืองเก่าเราสามารถนั่งเรือ Abra เรือข้ามฝากสุดคลาสสิคของดูไบ ไปที่ย่าน Old Souk หรือย่านตลาดเก่า ที่นี่จะเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่เราแนะนำเลยสำหรับคนมาเที่ยวดูไบ เพราะมีของดีราคาถูกอยู่มากมาย ทั้งเครื่องเทศ เครื่องหอม เฟอร์นิเจอร์ ผ้าไหม รวมไปถึงตลาดขายเพชร ขายทอง ด้วย เดินเล่นๆ ไม่รู้ตัวคุณอาจจะได้ของเต็มไม้เต็มมือไปจากตลาดแห่งนี้ เพราะของน่าซื้อมากจริงๆ แถมราคาเป็นมิตรมากๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/6HNCxjdtUB9qmuy67
10.Dubai Creek
Dubai Creek คือทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นดั่งโอเอซิสกลางทะเลทรายของเมืองดูไบ เป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หล่อเลี้ยงชีวิตในดูไบมาอย่างยาวนาน ในช่วงเย็นสามารถมาเดินเล่นถ่ายรูปกันริมทะเลสาบได้ หรือใครจะใช้บริการนั่งเรือชมวิวใน Dubai Creek ก็ได้เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Q4BWaHUTNKhfygxo7
11.Desert Safari
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวดูไบในทริปนี้ กับการออกไปทัวร์ทะเลทรายนอกเมืองดูไบ โดยเราใช้บริการของ Arabian Adventure ซึ่งเป็นบริษัททัวร์เจ้าใหญ่ที่ใครๆ ก็แนะนำ ให้บริการในการเที่ยวทะเลทราย Arabian ด้วยรถออฟโร๊ด
ทางบริษัทจะมารับเราจากโรงแรมและพาเราไปชมสนามแข่งอูฐของเมืองดูไบกันก่อน โดยทางไกด์บอกับเราว่าที่ดูไบจะให้ความนิยมกับการแข่งอูฐมาก มีอูฐจากหลายสัญชาติเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์กันที่นี่ จึงต้องมีการฝึกอูฐเป็นอย่างดี รวมถึงมีฟาร์มอูฐหลายแห่งในพื้นที่ทะเลทรายนี้ด้วย
หลังจากนั้นจึงเริ่มพาเราเข้าสู่พื้นที่ของทะเลทราย Arabian ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ของทางรัฐบาล UAE อนุญาตในการนำเที่ยวแค่บางบริษัททัวร์เท่านั้น ทางบริษัทจะพาเราขับรถฝ่าเนินทรายสูงไปตามสันเขาทราย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที ณ โมเมนต์นั้น บอกเลยว่าภาพในโฆษณารถยนต์ที่วิ่งผ่านทราย วิ่งเข้ามาในหัวทันที พร้อมคิดในใจ ทำไมภาพในโฆษณามันดูเท่จัง แต่พอมานั่งเองยอมรับเลยว่าแทบอ้วก เพราะรถทั้งเหวี่ยงและทางลาดชันแต่โดยรวมแล้วคือสนุกและตื่นเต้นตลอดเส้นทาง ได้เห็นสัตว์ในทะเลทรายแบบใกล้ชิด สมแล้วกับชื่อของบริษัท Arabian Adventure
ทางไกด์จะพาเราไปหยุดอยู่บนเนินทรายสูง เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินจากในทะเลทรายแบบนี้ ภาพของแสงสีทองที่ค่อยๆ อ่อนแสงลง กระทบกับผืนทราย เป็นภาพความสวยงามที่ไม่อาจลืมเลือน มาถึงตรงนี้ก็ต้องยอมรับแบบตรงๆ เลยว่า คุ้มค่ากับการเดินทางอย่างแท้จริง
หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ทางไกด์จะพาเราไปพักกันที่ Hub กลางทะเลทราย ซึ่งในจุดนี้จะเป็นบริการที่รวมกับค่าทัวร์ไปแล้ว ภายในจุดพักจะมีบริการขี่อูฐ มีอาหารไว้ให้บริการ พร้อมทั้งโชว์การแสดงพื้นเมืองของชาวดูไบ เพลิดเพลินกันได้ในยามค่ำคืน เป็นการพักผ่อนที่ได้ฟีลเหมือนเราเป็น Nomad ที่เดินทางกลางทะเลทรายจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่ยังคงประทับใจมาจนถึงตอนนี้ หากมีโอกาสไปเที่ยวดูไบ การมาทัวร์ทะเลทรายคือสิ่งที่คุณพลาดไม่ได้เด็ดขาดครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FC54zsY6So9dJwuk9
Facebook : Arabian Safari
ที่พักแนะนำในดูไบ
สำหรับที่พักแนะนำในดูไบ เราไปพักที่โรงแรม Intercontinental Festival Dubai โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่ติดริมทะเลสาบ Dubai Creek จัดเต็มด้วยความสะดวกสบายเต็มขั้น และโลเคชันที่ตั้งใกล้แหล่งช็อปปิ้งอย่าง Dubai Festival Mall กลับมาจากเที่ยวก็มาเดินเล่นริมน้ำ หรือ ซื้อของใช้ของฝากในห้างกันได้เลย สะดวกมาก รวมไปถึงทางโรงแรมยังมีบริการบุฟเฟต์อาหารนานาชาติให้บริการในทุกวัน หากคิดถึงอาหารไทยก็มีเมนูอาหารไทยให้กินในโรงแรมด้วย โดยรวมแล้วคุ้มค่า แนะนำเลยครับสำหรับใครจะมาเที่ยวดูไบ
พิกัดโรงแรม : https://maps.app.goo.gl/AroQZP45Fn29iGPX9
Facebook : InterContinental Dubai Festival City
บทสรุปสำหรับดูไบ
สำหรับเราดูไบถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่สักครั้งควรมาเห็นด้วยตาตัวเอง ความสวยงามของสถาปัตยกรรมภายในเมืองที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ความหรูหราโอ่อ่า มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตึกสูงระฟ้า เป็นความตื่นตาตื่นใจที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างขึ้นมาได้จากฝีมือมนุษย์ บนแผ่นดินแห่งทะเลแบบนี้ นอกจากนี้ธรรมชาติในทะเลทรายก็สวยงามมอบความประทับใจให้กับเราแบบเกินบรรยาย อาหารการกินก็อร่อย เดินทางสะดวกมีสายการบินบินตรงจากกรุงเทพฯ หลายเที่ยวบินในหนึ่งสัปดาห์ หากมีโอกาสสักครั้งแนะนำว่าควรมาครับ