ข้อมูลจาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า ประชากรสหรัฐฯ 1% ที่มีความร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% จาก ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้ง ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ แนสแด็ก เอสแอนด์พี 500 และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง ในช่วงโควิดระบาด ส่งผลให้มี Fund Flow เงินทุนไหลเข้าตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 200 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2567)
- 8 วิธียักยอกเงินบริษัทที่พบเห็นได้บ่อย อาศัยช่องโหว่ หวังรวยทางลัด!
- “อ่าวมาหยา” คว้าอันดับ 5 ชายหาดดีที่สุดในโลก อันดับ 1 ของอาเซียน ปี 2024
- จีนขยายอำนาจ ตำรวจความมั่นคงสแกนมือถือ-แล็ปท็อป คุ้มเข้ม “ความมั่นคงของชาติ”
เว็บไซต์ visualcapitalist เปิดเผยข้อมูล ประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก ปี 2024 โดย จีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก ปีนี้มีเมืองคนรวยติดอันดับท็อป 10 เป็นครั้งแรก คือ กรุงปักกิ่ง มีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นถึง 90% ในช่วง 10 ปี ระหว่าง 2556–2566 และปีนี้ สิงคโปร์ เกาะเล็กๆทางใต้ของ ไทยที่เพิ่งได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีเศรษฐีใหม่เพิ่มขึ้นแซงหน้า กรุงโตเกียว ของญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว เศรษฐีหน้าใหม่ของสิงคโปร์มาจาก “เศรษฐีจีน” ที่ย้ายถิ่นฐานจากจีนมาปักหลักที่สิงคโปร์ เฉพาะปี 2566 เพียง ปีเดียว มีเจ้าสัวจีนย้ายมาอยู่ที่สิงคโปร์กว่า 3,400 คน ส่งผลให้สิงคโปร์มีเศรษฐีเพิ่มขึ้นถึง 64%
10 ประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก 2024
- อันดับ 1 จีน มหาเศรษฐี 814 คน
- อันดับ 2 สหรัฐอเมริกา มหาเศรษฐี 800 คน
- อันดับ 3 อินเดีย มหาเศรษฐี 271 คน
- อันดับ 4 อังกฤษ มหาเศรษฐี 146 คน
- อันดับ 5 เยอรมัน มหาเศรษฐี 140คน
- อันดับ 6 สวิตเซอร์แลนด์ มหาเศรษฐี 106 คน
- อันดับ 7 รัสเซีย มหาเศรษฐี 76 คน
- อันดับ 8 อิตาลี มหาเศรษฐี 69 คน
- อันดับ 9 ฝรั่งเศส มหาเศรษฐี 68 คน
- อันดับ 10 บราซิล มหาเศรษฐี 64 คน
โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 12 มีจำนวนมหาเศรษฐี 49 คน อย่างไรก็ตาม ประเทศในยุโรปมีสัดส่วน 6 ใน 10 อันดับแรก และ 8 ประเทศใน 20 อันดับแรกที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด
ที่มา visualcapitalist