ไอซ์ อภิษฎา อุ้มท้องลูกสาว 8 เดือน เปิดทุกปมสามี ลั่นทุกคนมีอดีต แต่ไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร เผยการออกมาแก้ข่าวเหมือนไม่เกียรติตัวเอง
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “EVE’S OIL” (EVE’S STRETCH MARK BODY OIL GEL) พร้อมเปิดตัวซุปตาร์ว่าที่คุณแม่ ไอซ์ อภิษฎา เครือคงคา ในฐานะพรีเซ็นตอร์ ซึ่งการปรากฏตัวครั้งนี้ของเธอนั้นถือเป็นครั้งแรกที่ออกมาพบสื่อหลังจากมีข่าวว่าตั้งท้อง และที่ผ่านมาไม่ว่าจะโดนกระแสใดก็ตาม ทั้งเรื่องสามีทำธุรกิจสีเทา ทั้งเรื่องมีคนแฉว่าเธอเป็นเมียน้อย และเรื่องที่คนสงสัยทำไมสาวไอซ์ไม่เปิดหน้าสามี ทั้งหมดนี้ เธอได้เปิดใจเล่า พร้อมอัปเดตอายุครรภ์8เดือน
หลายคนอยากเห็นหน้าสามีเราจะมีโอกาสไหม? “ไม่รู้ๆ เหมือนกันนะว่าเราจะอยากเปิดเมื่อไหร่ เอาจริงๆ ด้วยความที่ตั้งแต่แรกเรารู้สึกว่าอยากมีพื้นที่ส่วนตัวให้เขา ไม่ได้แอ๊บอะไรนะ แต่รู้สึกว่าอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าโดยส่วนตัวของเรา เราไม่ใช่คนลงรูปโพสต์กับแฟน ตั้งแต่อยู่วงการมา 10 กว่าปีอาจจะมีแค่คนนึงเพราะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมันแยกกันไม่ได้ แต่กับคนอื่นที่เราเป็นแฟนที่คบกันมาไม่ค่อยมีรูปไอซ์กับแฟนเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้มันเป็นสิ่งนึงที่มันคือตัวตนของเราด้วย แล้วพอกับเขาก็ไม่ใช่คนที่จะชอบถ่ายรูป แต่เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้คือเซ็นทรัลภูเก็ตถิ่นประจำ ไม่ได้ปิด ไม่ได้รู้สึกว่าเจอใครแล้วทำเป็นความลับ แต่แค่รู้สึกว่าไม่รู้จะโพสต์อะไร แต่ถ้ามีรูปอะไรพิเศษจริงๆ อยากลงก็จะลง ยังไม่มีรูปที่อยากจะลง”
รูปพ่อแม่ลูกหลังคลอด? “ก็ต้องดูหน้าเราว่าตอนนั้นเป็นยังไง มันอยู่ในแพ็กเกจของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ไอซ์อาจจะไม่แฮปปี้รูปนั้นก็ได้ (หัวเราะ) ก็เลยตอบไม่ได้ หรือรูปนั้นอาจจะมีอยู่แล้วแต่เราไม่อยากโพสต์ก็ได้”
สวยหลังคลอดปรึกษา “ชมพู่ อารยา”? “เอาจริงๆ นะ คนนั้นก็ยอดมนุษย์ตั้งแต่ที่เจอ ผ่าวันนี้แล้วถ่ายรูปวันพรุ่งนี้ได้ยังไง มันคือการผ่าตัด ไม่ใช่เป็นแผลแล้วเย็บ มันขยับตัวลำบาก ไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าชีวิตเราจะเป็นยังไง”
หลายคนบอกว่าเราถือเคล็ดไม่กล้าเปิดเรื่องความรัก? “ก็อาจจะเป็นเรื่องนั้นด้วยนะที่เรารู้สึก แต่แรกเลยนะหมอดูทุกคนจะพูดเลยนะความรักถ้าไม่เปิดเผยจะดีที่สุด แต่เราไม่เป็นเมียน้อยใครนะ แต่ถ้าเปิดจะมีปัญหา เราก็รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ฝังหัวอยู่แล้ว แล้วทุกครั้งเปิดแล้วก็ชอบมีปัญหา พอเรามานั่งคิดพิจารณาว่าตอนเราอยู่กันสองคนเราไม่มีปัญหา แต่พอมีคนเอาไปทำโน่นนี่ ปัญหามาจากคนอื่นไม่ใช่เรา”
ดราม่าก่อนหน้านี้เจอมาหลายเรื่องมาก? “ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า เราอยู่ในยุคที่เราจะต้องใช้สติมากๆ ในการรับฟังข่าวหรือวิเคราะห์ ตอนนั้นในหัวมีอยู่ 2 อย่างว่า เราจะต้องออกมาแก้ข่าวไหม แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราออกมาแก้ข่าวเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเอง ทำไมเราต้องดิ้นรนกับอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องที่เราจำเป็นจะต้องออกมาพูด มันไม่จำเป็นว่าทุกคนที่ไม่ออกมาพูดแปลว่าจริง แต่สำหรับเรา เรามองว่าถ้าออกมาพูดเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเองอย่างหนึ่ง เราอย่าไปเดือดร้อนกับสิ่งที่มันไม่ใช่ เราต้องยืนหยัดหนักแน่นกับความจริงของเรา ถ้าเราออกมาพูดแล้วเขาเปลี่ยนแอ๊คเคาท์เอาเรื่องอะไรมาพูดอีก ก็ต้องออกมาพูดทุกครั้งเหรอ ไม่อยากจำเป็นที่จะต้องให้ค่ากับอะไรที่อย่างนี้ แล้วไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกกี่รอบๆ ต้องดิ้นรนกับมัน ไอซ์เลยหนักแน่นและปล่อยผ่านแล้วมันก็ผ่านไป”
กระทบจิตใจมั้ย? “จะบอกว่าเราโชคดีมากที่เรามีน้องอยู่ในท้อง และเราไม่อยากส่งอารมณ์อะไรที่ไม่ดีไปถึงน้องเลย คุณสามีเขาก็ขอบคุณเรา และประทับใจเราที่เราหนักแน่นพอ และเราก็รู้สึกว่าพอมันใช้คำว่าครอบครัว เราไม่จำเป็นที่จะต้องเอาพายุเข้าบ้าน”
แสดงว่าสามีรับรู้ตลอดว่าเราโดนอะไรมาบ้าง? “ก็มีคนส่งให้เขาบ้าง แต่อะไรที่เป็นภาษาไทยมากเขาก็ไม่รู้เรื่อง แต่ไอซ์ไม่สร้างปัญหาเพิ่มให้กับครอบครัว และไอซ์ก็ไม่ส่งอารมณ์ที่มันไม่ดีไปถึงลูก คือไอซ์ว่ามันอยู่ในจังหวะที่เป็นบททดสอบใหญ่เหมือนกัน เพราะสมมติเราสติแตก มันก็สามารถเป็นบ้าเป็นบอได้เหมือนกันนะ บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับเรามองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ใจร้ายเหมือนกันนะ ในการที่รู้ว่าผู้หญิงที่กำลังท้องและมาทำอะไรแบบนี้ แต่เราก็เข้าใจเจตนาว่าคนทำคงไม่ได้หวังดีเท่าไหร่ และเราก็จะไม่อนุญาตให้เขาเอาอารมณ์ที่ไม่ดีมาใส่เราได้ ช่วงนั้นก็โชคดีมากที่อยู่ต่างประเทศ เราก็ใช้ชีวิตของเราไป”
ก็ไม่มีใครบอกให้เรารับรู้เรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย? “จริง โชคดีมาก เพราะไทม์โซนมันต่างกันมาก แต่ก็มีคนส่งมาให้เรารู้แหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนั้นเราโชคดีที่เราปล่อย อะไรที่มันไม่ใช่ก็อย่าเอาเข้ามา อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าทำร้ายครอบครัว อย่าทำร้ายลูกสาว”
ก็คือปล่อย เขาอยากทำอะไรก็ทำ? “ใช่ รู้สึกว่าเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร และเราก็ถามตัวเองแล้วว่าเราไม่ใช่คนที่ใครก็ได้ วันนี้ที่เราอายุมาถึงขนาดนี้ และเรามีประสบการณ์ชีวิตกับความรัก และรู้ว่าเราเลือกอะไร ในวันที่เราจะมีน้อง พูดเลยว่านี่คือความตั้งใจมากๆ เราไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมาใช้คำว่าพลาดหรืออะไร มันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจ แต่อาจจะไม่ใช่ตามสเต็ปทุกคนที่จะต้องจัดงานแต่งงานนะ แต่เรื่องนั้นสำหรับเรา คือเราเองที่ไม่อยาก คือเรารู้สึกว่ามันไม่ได้หมายความว่าอะไรเลยในงานแต่งงาน และเราก็เคยเฉียดๆ ตรงนั้นมาแล้ว และเราเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แปลว่าอะไร มันไม่ได้มีความหมายอะไรที่จะทำให้ชีวิตรักอันนี้มันยืนหยัด มั่นคงเพราะมีภาพงานแต่งงานๆ นึง แต่เราว่าสิ่งสำคัญคือต่อจากนี้เราจะใช้ความเป็นครอบครัวของเรายังไงให้มันมีความสุขอยู่ยาวที่สุด”
เขาอยากมีงานแต่งมั้ย? “เอาจริงๆ เขาอยากมี แต่จากที่เขาอยากจัดที่ต่างประเทศอยู่แล้ว และเราก็บอกว่าตั๋วคราวที่แล้วยังมีอยู่เลย กูไม่กล้าเชิญใครไปต่างประเทศ (หัวเราะ) เขาก็พูดว่างั้นจัดงานเล็กๆ 30 คน เราก็โอ้โห เราจะจัดยังไง 30 คน เลือกไม่ถูก กลุ่มเดียวก็ไม่ได้แล้ว และเราก็เกรงใจเพื่อนว่าจะต้องบินไปต่างประเทศ ช่วงนั้นก็ยังโควิดอยู่ ก็คิดว่าถ้าเรามานั่งรออะไรที่มันตามสเต็ป เราคิดว่าตอนนี้ด้วยอายุเราสิ่งสำคัญสุดคือการมีน้อง มันรู้สึกว่าถึงเวลาที่ใช่แล้ว และเราอยากมีขั้นต่ำ 2 คน อายุมันก็จะมากขึ้นแล้ว และเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะติดหรือไม่ติด เราก็รู้สึกว่ามันก็เป็นสิ่งที่เสี่ยง เราก็รู้แหละ แต่มันถึงเวลาแล้วที่เราพร้อมที่จะเสี่ยง เพราะเรามีครอบครัว”
ให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ ความเป็นคุณแม่มือใหม่ในฐานะที่เราฝ่าดราม่ามาได้? “ไม่กล้าให้เต็มร้อยเลย (หัวเราะ) คือ ณ ตอนนั้นให้ตัวเองว่าเราต้องไปบอกแฟนด้วยซ้ำว่า ไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้แป๊บเดียวเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เธอไม่ต้องเป็นห่วงอะไรความสุขฉัน เรารู้อะไรเป็นอะไรก่อนที่ฉันจะเลือกเธอ ฉันรู้ทุกอย่างแล้วเขาก็รู้จักเรา ทุกคนมีอดีตแล้วเราก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันเป็นเรื่องที่เราเลือกฝรั่งเพราะอะไรรู้ไหม เพราะเรารู้สึกว่าเขาไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องอดีตของเรา เราก็จะไม่ยุ่ง เราอยู่ปัจจุบันและเรารู้สึกว่าจากที่เราปฏิบัติเราดูกันที่ปัจจุบันดีกว่า (ให้กี่เปอร์เซ็นต์?) ให้ตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ (หัวเราะ)”
เรื่องที่แฟนเราโดนขุดว่าเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 5 ของฝรั่งเศส? “โอ๊ย อันดับ 5 ประเทศเขาโอ้โห ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่เขามาจากครอบครัวมีเงินไหม เขาก็มาจากครอบครัวมีเงิน แล้วธุรกิจจากครอบครัวก็คือธุรกิจจะ 100 ปีแล้ว บางทีที่มาที่ไปที่เขาเขียนพยายามโจมตีว่าทำธุรกิจไม่ดีหรือมาจากอะไร คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขานะ เขาบอกว่าเขาอยากปกป้องตัวเองแต่ไอซ์ก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรื่องพวกนี้ก็ผ่านไป คนที่เขาไม่เชื่อเขาก็ไม่เชื่อ เพราะถ้าเขาไปหานามสกุลดูก็จะรู้ว่ามันมีบริษัทอะไรที่เป็นเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวมา 100 ปีอยู่แล้ว”
ถูกจับตามองตลอดเวลาเลย? “ไอซ์ไม่โทษเขา ไอซ์รู้สึกว่ามันเป็นดวงของไอซ์อีกแล้วที่เราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ครั้งที่แล้วก็สงสารทุกคนที่เข้ามายุ่งกับเราเหมือนกันแล้วเขาต้องเจออะไรแบบนี้ เราก็รู้สึกว่าเราเข้มแข็งพอแต่คนอื่นที่เขาไม่ได้อยู่จุดเรา เขาไม่มีประสบการณ์แบบเรามา 10 ปีๆ มันก็ลำบากสำหรับเขาเหมือนนะ”
แหวนที่นิ้ววงใหญ่มาก แหวนอะไร? “ก็แหวนหมั้นนั่นแหละ (ยิ้ม) เอาจริงๆ นะตั้งแต่วันนั้นที่บอกเขา เขาถามว่าถ้าแต่งงานเธออยากได้แบบไหน จัดงานที่ไหน อะไรยังไง เราก็บอกเอาเงินที่จะทำทั้งหมดมาที่นี่ (ก็รวมอยู่ที่นี่เลย?) ใช่ เอาจริงๆ เรารู้สึกว่างานแต่งงานเป็นวันเดียวแล้วมันก็จบ แต่อันนี้มันอยู่กับเราตลอดแล้ว วันนั้นพูดเล่นๆ อุ๊ย เธอฉันไม่ได้สนใจอะไรเลย แล้วเขาก็ถามสนใจอะไร ก็พูดเล่นๆ หลังจากนั้นสิ่งที่เขาหามาก็รู้สึกว่าเขาตั้งใจแล้วเขาพยายามหาดีที่สุดเท่าที่เขาหาได้”
แหวนวงนี้กี่กระรัต? “ไม่บอกแล้วกันอะไรยังไง (ยิ้ม) แต่เขาหาสิ่งที่ไอซ์รู้สึกว่า ไอซ์เคยพูดในรายการว่าเขาส่งใบเซอร์มาให้ เพราะเขาไปประมูลมา เราก็พูด นี่เธอขอฉันหรือเปล่า ขายเพชรฉันอะไรแบบนี้ (ยิ้ม) เราเลยรู้สึกว่าเราเห็นความตั้งใจแล้วนอกเหนือจากสิ่งที่มันจะต้องเป็นไซซ์หรืออะไรที่ทุกคนสนใจ แต่เราสนใจว่าเขาพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา”
เขาตั้งใจขนาดนี้ต้องใส่ติดตัวตลอดเวลาเลยไหม? “ใช่ ตอนแรกไม่ได้เห็นของจริง ใหญ่ไปหรือเปล่า เขาบอกว่ามันใส่ได้ทุกวัน (ยิ้ม) เขาก็อยากให้ใส่ทุกวัน (แต่ต้องระวังหน่อย?) ถูก เขาก็จะระแวงถ้าสมมติไปในที่ที่มันไม่ถูกต้องก็จะไม่ใส่”
เราก็ถูกใจในความใส่ใจของเขาที่พยายามทำให้ทุกอย่าง? “คือไอซ์รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่เราเห็นว่าสำหรับเรามันดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันดีที่สุดเท่าที่เขาหาให้ได้แล้ว แล้วก็พอใจแล้ว (สามีที่ดี?) คือจริงๆ เรื่องนี้ที่ไอซ์เลือกเขานะคะ ไอซ์คิดว่าเราเห็นข้อดีของเขาซึ่งเรื่องแบบนี้เหมือนมีคนมองไอซ์ก็ไม่ได้มองเหมือนกันทุกคนอย่างเรามองเขา เรามองเห็นข้อดีของเขาแล้วไอซ์รู้จากประสบการณ์ในชีวิตว่าไอซ์อยากได้คนนั้นเป็นสามี แล้วไอซ์เห็นคุณสมบัตินั้น แล้วไอซ์ก็เลือกเขา (ยิ้ม)”