ไหนรัฐบาลบอกฟรี? ลูกสาวสุดงง โรงพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาพ่อติดโควิด 3.4 หมื่น อ้างบัตรประชาชนเป็นรุ่นเก่า ไม่มีเลข 13 หลัก ไม่สามารถบันทึกข้อมูลบุคคลได้
(19 ส.ค.64) ผู้สื่อข่าวได้การติดต่อวีดีโอคอลมาจาก น.ส.สุเนตร อายุ 41 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สนามแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัดนนทบุรี เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจาก นายเจ็กโฮ้ว อายุ 76 ปี ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงและติดเชื้อไวรัสโควิด จำนวนเงิน 3.4 หมื่นบาท หลังนายเจ็กโฮ้วถูกนำตัวส่งรักษาตัวจากการติดเชือไวรัสโควิดด้วยอาการหอบหืดหายใจติดขัดลำบาก ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.64 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันนายเจ็กโฮ้วยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลดังกล่าว
น.ส.สุเนตร แซ่โง้ว บุตรสาวเปิดเผยว่า ครอบครัวตนซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกัน 11 ชีวิต มีผู้ใหญ่ 8 คน เด็ก 3 คน เกิดติดเชื้อไวรัสโควิดทั้งครอบครัว โดยในจำนวนนั้นมี ด.ช.ธีระวัฒน์ อายุ 3 ปีหลานของตนเอง และนายเจ็กโง้ว อายุ 76 ปีผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง มีอาการหายใจติดขัด จนต่อมา เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทาง สสจ.นนทบุรีได้เข้าให้ความช่วยเหลือนำส่งในครอบครัวทั้งหมดส่งไปรักษาตัวตามที่ต่าง ๆ ตนกับครอบครัวส่วนใหญ่ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ส่วนหลาน ๆ ถูกส่งไปรักษาตัวที่ศูนย์พักคอยวัดตำหนัก
และนายนายเจ็กโฮ้ว บิดาของตนซึ่งมีอาการหนักกว่าคนอื่นๆ ในครอบครัวถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลชื่อดังประจำจังหวัด เนื่องจากสภาพปอดถูกทำลายไปมากจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียูตลอดเวลา น.ส.สุเนตร กล่าวว่า ระหว่างตนเองกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม เมื่อวานนี้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่พ่อของตนรักษาตัวอยู่ โทรศัพท์มาแจ้งตนว่า เนื่องจากพ่อของตนเข้ารักษาตัวโดยใช้บัตรประชาชนรุ่นเก่าซึ่งไม่มีเลข 13 หลัก ไม่สามารถบันทึกข้อมูลบุคคลได้ ทำให้มีค่ารักษาพยาบาลจำนวน 3.9 หมื่นบาท สร้างความงุนงงให้ตนเป็นอย่างมาก เนื่องจากตนทราบจากข่าวมาว่าทางรัฐบาลประกาศให้ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดทุกคนได้รับการรักษาฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ทำไมเพียงเพราะพ่อของตนมีบัตรประชาชนแบบรุ่นเก่าเพียงใบเดียวกลับถูกเรียกเก็บเงินค่ารักษาเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ทั้งๆ ที่พ่อของตนก็เป็นคนไทยมีบัตรประจำตัวประชาชนเช่นกัน
ด้วยความสงสัยตนจึงให้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนดังกล่าว ส่งบิลค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวพ่อของตนมาให้ทางไลน์ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่กลับส่งเป็นยอดเงินเรียกเก็บ 3.4 หมื่นบาทมาแทน พร้อมกับหมายเลขบัญชีธนาคาร ในนามเงินบำรุงโรงพยาบาลดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดังกล่าวยังแจ้งกลับมาว่า หากตนต้องการบิลค่ารักษาพยาบาลของพ่อตนให้จ่ายเงินรักษาพยาบาลจำนวนดังกล่าวมาก่อน และหลังจากจ่ายเงินจำนวนนี้มาแล้วจะยังคงมีค่ารักษาต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าพ่อของตนจะหายหรือไม่ก็เสียชีวิตลง ทำให้ตนเองกลุ้มใจและเครียดมาก
น.ส.สุเนตร กล่าวต่ออีกว่า ตนได้รับการติดต่อจาก รพ.ทางโทรศัพท์เมื่อวานให้ตนชำระเงินจำนวน 39,000 บาท เพราะพ่อไม่มีบัตรประชาชน ตนจึงได้ให้ทาง รพ.พิมพ์แจ้งยอดมาเพราะต้องปรึกษาญาติๆ ทาง รพ.แจ้งมาว่า ประมาณ 34,000 บาท สาเหตุที่ต้องจ่ายเพราะบัตรประชาชนรุ่นเก่า ตนไม่มีเงินจะจ่ายค่ารักษา ทาง รพ. ก็ให้ไปคุยกับสงเคราะห์ว่าช่วยได้แค่ไหน แต่ช่วยได้ไม่หมด ตนแจ้งเขาไปว่าตนยังไม่หายจากโควิด ทาง รพ.ให้รักษาตัวไปก่อนแล้วค่อยมาคุยกับสงเคราะห์เอา ถ้าต้องจ่ายครอบครัวตนเดือดร้อนเพราะทุกคนติดโควิดหมดไม่ได้รับเงินเดือน ตนอยากให้หน่วยงานช่วยเหลือ จ่ายนิดหน่อยได้ถ้าต้องจ่ายเยอะแบบนี้ตนไม่มี เพราะตัวเลขค่าใช้จ่ายยังไม่หยุดเดิน จนกว่าจะรักษาหายหรือเสียชีวิต ตนต้องรอเอกซเรย์ปอดอีกครั้งถึงจะออกจาก รพ.สนาม อยากให้หน่วยงานมาช่วยเหลือเพราะครอบครัวตนมีเด็กเล็กเยอะ ไม่มีเงินมากขนาดนั้น และค่าใช้จ่ายยังมีต่อเนื่อง
น.ส.สุเนตร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนเองกับครอบครัวไม่มีรายได้ใดๆ เลย ธุรกิจทำความสะอาดรถก็กระทบกระเทือนไปด้วยนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ไวรัสโควิดแพร่ระบาดเป็นต้นมา ซึ่งถ้าตนจะต้องไปหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อตามที่โรงพยาบาลเรียกเก็บมา ตนคงไม่มีจ่ายให้แน่ๆ แถมยังมีค่ารักษาต่อเนื่องที่จะตามมาอีก ซึ่งตนก็ยังป่วยและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้ด้วยจะไปหาเงินจำนวนดังกล่าวมาจากไหน ถ้าค่ารักษาไม่สูงเกินไปนัก ตนก็จะพอหาหยิบยืนมาจ่ายให้ได้ แต่ที่ตนสงสัยมากที่สุดก็คือ ในเมื่อรัฐบาลประกาศให้ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แล้วทำไมพ่อของตนถึงถูกเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลผ่านบัญชีเงินบำรุงของโรงพยาบาลอีกต่อหนึ่ง