ไม่ใช่เรื่องน่าอาย! เช็ก “อุจจาระ” สัญญาณบ่งชี้ “มะเร็ง” แบบไหนควรไปพบแพทย์ทันที

Home » ไม่ใช่เรื่องน่าอาย! เช็ก “อุจจาระ” สัญญาณบ่งชี้ “มะเร็ง” แบบไหนควรไปพบแพทย์ทันที
ไม่ใช่เรื่องน่าอาย! เช็ก “อุจจาระ” สัญญาณบ่งชี้ “มะเร็ง” แบบไหนควรไปพบแพทย์ทันที

ไม่ใช่เรื่องน่าอาย! เช็ก “อุจจาระ” ของตัวเอง สัญญาณบ่งชี้ “มะเร็งลำ” อุจจาระแบบไหนควรไปพบแพทย์ทันที

มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ถือเป็นมะเร็งที่พบได้มาก สาเหตุเกิดจากการที่เซลล์เปลี่ยนแปลงและเติบโตภายในลำไส้ใหญ่ ส่วนใหญ่พัฒนาจากเซลล์มะเร็งจากติ่งเนื้อ

ตามที่องค์กรการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา (UCLA Health) ระบุ ติ่งเนื้อเหล่านี้อาจทำให้อุจจาระเป็นเลือดหรือลำไส้อุดตันเมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้น สัญญาณที่พบบ่อยที่สุด ประการหนึ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักคือ “เลือดในอุจจาระ”

อย่างไรก็ดี เนื่องจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มักตรวจพบได้ไม่ง่าย ผู้เชี่ยวชาญจาก UCLA เตือนว่ายังมีสัญญาณอื่นในอุจจาระที่สามารถบ่งบอกถึงโรคได้ เช่นการอุดตันของลำไส้ใหญ่เนื่องจากการเติบโตของติ่งเนื้อ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง “รูปร่างของอุจจาระ” ได้

อาการที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งลำไส้ใหญ่ 

หากอ้างอิงจากข้อมูลที่โพสต์บนเว็บไซต์บริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (National Health Service : NHS) พบว่ามากกว่า 90% ของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

  • นิสัยการขับถ่ายเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง
  • ถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้น บางครั้งอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
  • มีเลือดอยู่ในอุจจาระ
  • ปวดท้องหรือท้องอืดหลังรับประทานอาหาร
  • อาการไม่สบายท้องที่เกิดจากการรับประทานอาหาร ส่งผลให้เบื่ออาหารและน้ำหนักลด
  • อาการอื่นๆ ได้แก่ รู้สึกเหมือนอยากถ่ายอุจจาระแต่ถ่ายไม่ได้ และท้องผูกหรือท้องเสียอย่างต่อเนื่อง

ควรทำอย่างไรหากมีอาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่?

หากมีอาการข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการทดสอบเชิงลึกตรวจหาโรค และเข้าสู่แผนการรักษาที่เหมาะสม จากข้อมูลของ NHS แพทย์จะถามผู้ป่วยในการตรวจครั้งแรกเกี่ยวกับอาการทั่วไป ประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ออาการดังกล่าว

การทดสอบอย่างหนึ่งที่ดำเนินการโดยทั่วไปเพื่อวินิจฉัยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก คือการตรวจหาติ่งเนื้อในทวารหนักหรือกระเพาะอาหาร ซึ่งเรียกว่าการตรวจทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination: DRE) แพทย์จะสอดนิ้วที่สวมถุงมือและหล่อลื่นเข้าไปในทวารหนักของผู้ป่วย เพื่อตรวจดูความผิดปกติในบริเวณทวารหนักและอุ้งเชิงกราน

ความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 

ปัจจุบันยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก อย่างไรก็ดี การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ พันธุกรรม และนิสัยการใช้ชีวิต ผลการศึกษายังย้ำเตือนด้วยว่า โรคอ้วน รวมถึงการรับประทานเนื้อแดง และอาหารแปรรูปมากเกินไป ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป เพราะไม่ใช่ทุกสัญญาณที่จะหมายความว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่แน่นอนว่าหากรู้สึกกังวลเมื่อมีอาการข้างต้น ควรไปโรงพยาบาลเพื่อรับรับการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำที่สุด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ