ไม่อยากตกงานอย่าโพสต์ แค่ระบายความในใจ นายจ้างก็ไล่ออกได้ และไม่จำเป็นต้องชดเชย

Home » ไม่อยากตกงานอย่าโพสต์ แค่ระบายความในใจ นายจ้างก็ไล่ออกได้ และไม่จำเป็นต้องชดเชย

ไม่อยากตกงาน อย่าโพสต์ มนุษย์เงินเดือนต้องระวัง แค่โพสต์ระบาย ไม่ได้ด่าก็ โดนไล่ออกได้

ชีวิตคนทำงานเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องเจออะไรถูกใจหรือถูกต้องไปซะทั้งหมด บางครั้งเพื่อนร่วมงานก็คอยกลั่นแกล้ง ขัดแข้งขัดขา ถ่วงความเจริญร้องเรียนนายจ้าง ไป ก็เท่านั้น ไม่ได้เกิดผลอะไร จนรู้สึกว่า ไม่มีใครช่วยเราได้เลย แล้วก็ทำไรไม่ได้ นอกจาก หาที่ระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจ งั้นขอโพสต์ ด่าลงโซเชียลซะเลย แต่ไม่โพสต์ชื่อนะคงไม่เป็นไรหรอก..หากใครหลายคนที่กำลังคิดจะโพสต์ด่าใครอยู่ล่ะก็ ขอให้คิดเสียใหม่เพราะถึงแม้จะไม่ได้ระบุชื่อ หรือ ระบุสถานที่ ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นจากความผิดทางกฎหมาย

เพจเฟซบุ๊ก กฎหมายแรงงาน ได้โพสต์เตือนเหล่าลูกจ้างที่มักจะโพสต์ด่านายจ้างลงในสื่อออนไลน์ อย่างเช่น Facebook อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดต่อนายจ้าง ทำให้นายจ้างเสื่อมเสีย โดยทางเพจ กฎหมายแรงงาน ได้ยกเคสตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงโดยระบุข้อความว่า

แค่โพสต์ระบาย ไม่ต้องด่า ก็เลิกจ้างได้ คดีนี้ลูกจ้างโพสลง Facbook มีว่า

“ เมื่อไหร่จะได้ในสิ่งที่ควรได้ว๊ะ…ต้องกินต้องใช้ ไม่ได้แดกดินแดกลมนะ” “ใครที่เกลียดเจ้านายเป็นบ้าเป็นหลัง โดนเจ้านายกลั่นแกล้ง หยุดซะเถอะความเกลียด ความโกรธ ปล่อยให้เขาเป็นอย่างนั้นไปคนเดียว เพราะถ้ามีเจ้านายเฮงซวยจริงๆ ก็ถือว่าเจ้านายของคุณมีทุกข์เยอะที่ชีวิตเขาต้องมาเจอลูกน้องเกลียดและเขาก็จะไม่มีความสุขในสิ่งที่เขาเป็น ยุ่งเหยิงยิ่งกว่าหมอย…ลูกค้าเกลียดวันที่ลูกค้าเต็ม…ตลอด 3 ปีมานี้เขาบอกว่าขาดทุนตลอด อยู่ได้ไงตั้ง 3 ปี…งง…ให้กำลังใจกันได้ดีมากขาดทุนทุกเดือน”

ข้อความข้างต้นนี้นำมาสู่การที่ลูกจ้างคนดังกล่าวถูกเลิกจ้างโดยศาลพิพากษาว่า

แม้ข้อความที่ลูกจ้างเขียนดังกล่าวมีลักษณะเป็นการระบายความคับแค้นข้องใจ แต่ก็ทำให้ผู้อ่านข้อความเข้าใจว่านายจ้างกลั่นแกล้งลูกจ้าง นายจ้างเป็นนายจ้างที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง เอาเปรียบลูกจ้าง และนายจ้างกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน จึงมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการบริหารของนายจ้าง ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการของลูกค้า

การกระทำของลูกจ้างจึงเป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 (2) และเป็นการกระทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ตาม ป.พ.พ.มาตรา 583 นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้าง

ข้อสังเกต

1) คดีนี้ศาลไม่ปรับเข้ามาตรา 119(1) เพราะไม่น่าจะเป็นความผิดอาญาในฐานหมิ่นประมาท ทั้งนี้ เพราะเป็นลักษณะคำบ่น

2) แต่ “ฐาน” ในการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ยังมีเรื่อง “จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย” ตามมาตรา 119(2)

หลักในการพิจารณาน่าจะอยู่ตรงที่ว่า “ถ้อยคำดังกล่าว ทำให้นายจ้างเสียหายหรือไม่” ซึ่งศาลเห็นว่าคำดังกล่าว “ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย” นายจ้างจึงเลิกจ้างได้โดยไม่จ่ายค่าชดเชย และไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า

3) เช่นนี้จึงต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ว่าการบ่นจะนำมาเลิกจ้างได้ทุกกรณี แต่ต้องพิจารณา “เนื้อหาของคำบ่น” ว่าคนอ่านแล้วรู้สึกว่านายจ้างเป็นคนไม่ดีหรือไม่

ถ้าบ่นว่า “ช่วงนี้งานหนัก” “ต้องรีบปิดงบ” “เหนื่อย” อะไรทำนองนี้ คนอ่านไม่ได้รู้สึกว่านายจ้างเป็นคนไม่ดี แบบนี้ไม่น่าจะเลิกจ้างได้

4) ประเด็นเรื่อง “เลิกจ้างไม่เป็นธรรม” (ม. 49 พรบ.จัดตั้งศาลฯ ) เข้าไปด้วย จะถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่ แอดมินขอให้หลักง่ายๆ คือ “ถ้าเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามมาตรา 119 ก็จะเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมด้วย”

ที่มา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8206/2560

ขอบคุณข้อมูลจาก กฎหมายแรงงาน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ