ไม่รอด! ศาลสั่งจำคุก ตร. 15 นาย ในงานเลี้ยง กำนันนก ไม่รอลงอาญา

Home » ไม่รอด! ศาลสั่งจำคุก ตร. 15 นาย ในงานเลี้ยง กำนันนก ไม่รอลงอาญา
กำนันนก-min

คืบหน้าคดี กำนันนก ล่าสุด ศาลคดีอาญาคดีทุจริตประพฤติและมิชอบกลาง สั่งจำคุก ตำรวจ 15 นาย ในงานเลี้ยง ไม่รอลงอาญา

ความคืบหน้าคดีดังระดับประเทศ กับคดี กำนันนก โดยสืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 66 เวลากลางคืน กำนันนก หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย ได้จ้างวานให้ นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ท่าผา ลูกน้องคนสนิท ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรศิว หรือ สารวัตรแบงค์ สารวัตรประจำสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (สว.กก.2 บก.ทล.) ในงานเลี้ยงภายใน บ้านพักกำนันก ที่ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตเวลาต่อมา

ล่าสุดวันที่ 9 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 206 /2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 64 /2567 สำหรับคำพิพากษามีดังนี้คือ โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 จำเลยทั้งยี่สิบสามร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยที่ 22 (กำนันนก) จัดงานเลี้ยงโดยเชิญเจ้าพนักงานตำรวจจากหลายหน่วยงานและประชาชนที่คุ้นเคยหลายคนมาร่วมงาน รวมทั้งจำเลยที่ 1 ถึงที่ 16 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และจำเลยที่ 17 ถึงที่ 23 ซึ่งเป็นราษฎร ในระหว่างงานเลี้ยงดังกล่าว

จำเลยที่ 22 ไม่พอใจพันตำรวจตรี ศ ผู้ตาย อย่างมากจึงสั่งให้นาย ธ ลูกน้องคนสนิท ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจำนวนหลายนัด กระสุนปืนถูกผู้ตายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล และกระสุนยังพลาดไปถูกพันตำรวจโทศิวกร ได้รับบาดเจ็บ

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 16 พบเห็นนาย ธ ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้บาดเจ็บอันเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงมีหน้าที่ต้องจับกุมตัวนาย ธ แต่ไม่จับกุมกลับปล่อยให้นาย ธ หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 16 เร่งรีบออกจากที่เกิดเหตุ ไม่กระทำการยับยั้งเหตุตามความจำเป็น จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 เพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 22 และนาย ธ ไม่ให้ต้องรับโทษ จำเลยที่ 2 แย่งอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุจากนาย ธ ห่อด้วยผ้าคลุมเก้าอี้โต๊ะจีนและส่งมอบให้จำเลยที่ 1 เก็บไว้ จากนั้นจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 23 ใช้ให้จำเลยที่ 17 นำอาวุธปืนดังกล่าวออกไปจากที่เกิดเหตุ และจำเลยที่ 17 นำไปฝังดินที่บริเวณใกล้บ้านพักอาศัยแห่งหนึ่ง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

จากนั้นจำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 19 ถึงที่ 21 เก็บปลอกกระสุนปืนไปทิ้ง ล้างคราบเลือด และเก็บโต๊ะอาหารที่เกิดเหตุ ต่อมาจำเลยที่ 2 ที่ 5และที่ 5 ใช้ให้จำเลยที่ 18 ถอดเอาเครื่องบันทึกข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ โดยจำเลยที่ 22 บอกจุดที่ติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลจากกล้องวงจรปิด แล้วนำไปทิ้งลงคลองบริเวณโค้งสะพานวัดตาก้อง ตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 เพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 22 ไม่ให้ต้องรับโทษ ร่วมกับจำเลยที่ 23 พาจำเลยที่ 22 หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปยังบ้านพักของจำเลยที่ 22 อีกแห่งหนึ่งโดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ มีจำเลยที่ 23 เป็นผู้ขับ จำเลยที่ 2 และที่ 5 นั่งโดยสารไปด้วย ส่วนจำเลยที่ 3 ขับรถจักรยานยนต์ติดตามให้การคุ้มกัน ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งยี่สิบสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 91, 92, 157, 184, 189, 200 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4, 172 จำเลยทั้งยี่สิบสามให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 21 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ 

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, มาตรา 184 ประกอบมาตรา 84, และมาตรา 200 จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, มาตรา 189 ประกอบมาตรา 83, และมาตรา 200 จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, มาตรา 184 ประกอบมาตรา 84, มาตรา 189 ประกอบมาตรา 83, และมาตรา 200

จำเลยที่ 4 และที่ 6 ถึงที่ 16 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 13 ที่ 15 และที่ 16 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

จำเลยที่ 17 ถึงที่ 21 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86, มาตรา 184 ประกอบมาตรา 83

จำเลยที่ 22 กำนันนก มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 23 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86, มาตรา 184 ประกอบมาตรา 84 และจำเลยที่ 17 ถึงที่ 23 มีความผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

แม้การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ดังกล่าวจะเป็นการกระทำหลายอย่าง แต่ก็ด้วยเจตนาอันเดียวคือเพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้กระทำผิดต้องรับโทษ และเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 จึงเป็นกรรมเดียว ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 13 ที่ 15 และที่ 16 ถึงที่ 23 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งมีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 13 และที่ 15 และที่ 16 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และลงโทษจำเลยที่ 17 ถึงที่ 23 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

โทษของจำเลยแต่ละราย

หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 เมื่อวิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยแต่ละคนแล้ว เห็นสมควรกำหนดโทษรายบุคคลให้เหมาะสมแห่งการกระทำ คือ

  • จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 จำคุกคนละ 3 ปี
  • จำเลยที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 13 ที่ 15 ถึงที่ 23 จำคุกคนละ 2 ปี
  • เฉพาะจำเลยที่ 9 ถึงที่ 11 ที่ 19 ที่ 20 และที่ 23 ให้ปรับคนละ 60,000 บาท
  • เพิ่มโทษจำเลยที่ 21 หนึ่งในสามตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 7 ที่ 15 และที่ 16 เข้าช่วยเหลือผู้ตาย และ/หรือผู้บาดเจ็บ ตามแต่กรณี และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 16 ปฏิบัติราชการมีผลงานและคุณความดีมาก่อน ทั้งคำให้การในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
  • ส่วนจำเลยที่ 17 ถึงที่ 21 และที่ 23 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน จึงมีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 13 จำเลยที่ 15 ถึงที่ 21 และที่ 23 คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
  • ส่วนจำเลยที่ 22 ให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีตลอดมาจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
  • คงจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 คนละ 2 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 13 ที่ 15 ถึงที่ 20 และที่ 23 คนละ 1 ปี 4 เดือน
  • และเฉพาะส่วนจำเลยที่ 9 ถึงที่ 11 ที่ 19 ที่ 20 และที่ 23 คงให้ปรับคนละ 40,000 บาท ด้วย จำเลยที่ 21 คงจำคุก 1 ปี 9 เดือน 10 วัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 9 ถึงที่ 11 ที่ 19 ที่ 20 และที่ 23 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนโจทก์
  • สำหรับจำเลยที่ 14 และคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
บ้านกำนันนก-min

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ