ไฟไหม้วิหาร “พระเจ้าแสนแซ่” โล่งอกเพลิงไม่ระคายผิว เผยอายุจริงมากกว่าเมืองเชียงใหม่ เพราะมาจากเวียงกุมกาม
เมื่อเวลา 19.20 น. วันที่ 13 กันยายน 2566 ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงศูนย์วิทยุเจดีย์งาม ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ บริเวณภายในวัดท่าเดื่อ ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดรถดับเพลิงตำบลสันผีเสื้อ พร้อมกำลังอาสาสมัครกู้ภัยเข้าตรวจสอบ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบว่าต้นเพลิงเป็นบริเวณใต้หลังคาวิหารของวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการใช้น้ำเข้าควบคุมเพลิงใช้เวลาประมาณ 20 นาทีถึงจะสามารถควบคุมเมืองไว้ได้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบ หลังคาวิหารได้รับความเสียหาย รวมไปถึงธรรมาสน์ ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังรวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ ถูกเพลิงไหม้เสียหาย
จากการสอบถามทราบว่าขณะเกิดเหตุได้มีฝนตก ซึ่งพระลูกวัดต่างแยกย้ายไปพักยังกุฏิของตนเอง โดยระหว่างที่กำลังพักผ่อนก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น ก่อนจะมีกลุ่มควันและเปลวไฟลอยออกจากหลังคาวิหาร พระลูกวัดต่างพากันใช้ถังดับเพลิงมาช่วยกันดับแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าให้การช่วยเหลือในการควบคุมเพลิงดังกล่าว
สำหรับค่าเสียหายในเบื้องต้นนั้นไม่สามารถประเมินราคาได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.แม่ปิงได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าต้นเพลิงเป็นจุดที่มีการตั้งเครื่องเสียงของวิหารไว้ คาดว่าอาจจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่เครื่องเสียงก่อนที่จะเกิดไฟลุกไหม้ไปติดที่ผ้าม่าน และอาสนะ แต่โชคดีที่องค์พระเจ้าแสนแซ่ นั้นไม่ได้รับความเสียหาย ฃจากเปลวไฟ
สำหรับวัดท่าเดื่อเป็นวัดก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าเมืองเชียงใหม่ หรือมีอายุมากกว่า 727 ปี เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานของ พระเจ้าแสนแซ่ (พระเจ้าแสนเพชร) พระพุทธรูปพระประธานของโบราณที่ตามประวัตินั้นได้อัญเชิญมาจากเวียงกุมกามที่มีอายุมากกว่าเมืองเชียงใหม่ ซึ่งปีนี้ครบ 727 ปี จึงเชื่อว่าพระเจ้าแสนแซ่องค์นี้จะมีอายุอยู่ในช่วงของเวียงกุมกาม ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างขึ้นก่อนจะย้ายมาตั้งเมืองเชียงใหม่ ทำให้เป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนและพุทธศาสนิกชนในละแวกดังกล่าวเป็นอย่างมาก