จากกรณี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ “ไม่รับคำร้อง” 3 คำร้องตรวจสอบ คดีหุ้นสื่อITV จำนวน 42,000 หุ้น ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เนื่องจากเหตุคำร้องยื่นเกินระยะเวลาตามกฎหมายกำหนด แต่ทาง กกต. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณา ตาม มาตรา151 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

ล่าสุด นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์เรื่องราวของนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูก กกต. จ่อยื่นสอบตาม ม.151 ว่า ลิเกเรื่องไอทีวี แค่ออกแขกก็ปิดฉากเลิกเสียดื้อๆต้องเก็บของกลับบ้านแบบงงๆและสุดเซ็ง!ไม่ต้องงงหรอก กระบี่เดียวดายจะเฉลยให้ฟัง สรุปว่า!
1. กกต. ตีตก 3 คำร้อง ที่นักร้อง 3 ราย ยื่นร้องโดยไม่ได้นัดหมายกัน ให้สอยหนุ่มหน้ามนและคณะ หาว่าถือ หุ้นitv ที่เป็นธุรกิจสื่อ 6 น้าอ้างว่าร้องผิดเวลา คือ เลยเวลาที่กฎหมายให้ร้องแล้ว ยกคำร้องตีตกเสียดื้อ ๆ แบบนี้นักร้องก็ขายหน้าแย่สิโยม

• รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ขยายระยะเส้นทางเพิ่ม เป็น 22 สถานี ภาวนา – สำโรง
• รู้จัก มาตรา151 รัฐธรรมนูญ หลัง กกต. จ่อสอบ พิธา พรรคก้าวไกล อาจมีโทษหนัก
• ศรีสุวรรณ หรือ นกฟีนิกซ์ ถูกยุบสมาคมฯ แต่ยังเดินหน้า ร้องเรียน แบบไม่ย่อท้อ

2. ให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนเป็นคดีอาญาว่าพ่อหนุ่มรูปงามทำผิดทางอาญา ฐานรู้ว่าตัวเองขาดคุณสมบัติสมัคร สส.เพราะถือหุ้นกิจการสื่อ แล้วยังซ่ามาสมัคร สส. หรือไม่ ?
-ต่อให้สรุปผลไต่สวนว่า ผิด ก็สอยหนุ่มพิธาตกสวรรค์ไม่ได้ เพราะเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีสอย สส. ซึ่งตีตกเวทีไปแล้ว แต่กว่าจะรู้ว่าผิดหรือไม่ก็ต้องรออีก 6-7 ปี ตอนนั้นหนุ่มพิธาอาจจะเป็นน้าพิธา แล้ว

เรื่องถือหุ้น itv คาดว่า จบแล้วแหละญาติโยม เพราะจะไม่มีใครไปเป็นพยานยืนยันว่าหนุ่มพิธาถือหุ้น(เพราะโอนมรดกไปแล้ว) และไม่มีใครกล้าไปเบิกความยืนยันว่า itv เป็นธุรกิจสื่อมวลชน เพราะใครๆก็รู้ว่า itv เลิกธุรกิจสื่อมา 20 ปีแล้ว และศาลท่านก็ตัดสินเรื่องนี้มาก่อนแล้วว่า itv เลิกธุรกิจสื่อแล้ว จะมีใครหน้าไหนกล้าบังอาจไปตัดสินแทนศาลท่านได้อีกเพราะต่อให้ค่าจ้างเท่าใด ก็ไม่คุ้มกับค่าติดคุกฐานเบิกความเท็จ หรือให้การเท็จ!!!ลิเกเรื่องนี้จึงจบไม่สมราคาคุย

ทั้งนี้ นายไพศาล ยังกล่าวถึง การทำงานของ กกต. ว่า เลือกตั้งเสร็จ 27 วันแล้ว ยังไม่ประกาศผลเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว รู้ไหมว่า วันเวลาที่ช้าไปแต่ละวันนั้น มีผลกระทบ 12 ประการ คือ
1. เปิดสภาไม่ได้
2. เลือกประธานสภาไม่ได้
3. เลือกนายกไม่ได้
4. โปรดเกล้าแต่งตั้งนายกไม่ได้
5. โปรดเกล้าแต่งตั้ง ครม. ไม่ได้
6. รัฐบาลรักษาการต่อไป โดยมีอำนาจแบบจำกัดแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้
7. งบประมาณ 2567 เดินหน้าไม่ได้
8. ทำโครงการพัฒนาประเทศไม่ได้
9. ทำข้อตกลงกับต่างประเทศไม่ได้
10. รัฐบาลที่ประชาชนต้องการให้เข้ามาแก้ปัญหา เข้ามาทำหน้าที่ไม่ได้
11. ปัญหาการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร แก้ไขไม่ได้
12. การปฏิรูปทุกประการทำไม่ได้
บาปกรรมทั้ง 12 ประการนี้ จะหนักหนาสาหัสมากขึ้น ตามวันเวลาที่ผ่านไป 27 ล้านเสียงของประชาชนที่เลือกตั้ง มอบฉันทามติให้แก่รัฐบาลใหม่ ใครจะบังอาจมองข้าม หรือลบล้างได้เล่า! เหมือนกับมหาวิทยาลัย ให้ศึกษาได้ 8 ปีจึงจะรีไทร์ แต่นักศึกษาที่ดี เขาก็ต้องเรียนให้จบ ในเวลา 4 ปี หรือ 3.5 ปี และได้รับเกียรตินิยมด้วย จะมีนักศึกษาแบบไหน ที่จะเรียนจนครบ 8 ปี อุปมาฉันใดก็อุปไมยฉันนั้น อย่าลืมว่าการเลือกตั้งนั้นกฎหมายวางหลักไว้ 3 หลักคือ สุจริต เที่ยงธรรม และรวดเร็ว ความล่าช้าใดๆ ล้วนผิดหลักและอาจผิดกฎหมาย

ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY