ไพบูลย์ ยัน 'ป้อม' ไม่ร่วม "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ปมแก้ 112 กระทบความมั่นคง

Home » ไพบูลย์ ยัน 'ป้อม' ไม่ร่วม "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ปมแก้ 112 กระทบความมั่นคง


ไพบูลย์ ยัน 'ป้อม' ไม่ร่วม "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ปมแก้ 112 กระทบความมั่นคง

ไพบูลย์ ยัน ‘ป้อม’ ไฟเขียว ไม่ร่วม “ก้าวไกล-เพื่อไทย” ลั่นรับไม่ได้ปมแก้ 112 กระทบความมั่นคง ชี้ไม่ควรไปแตะต้อง ซัดนโยบายแจกเงินเหวี่ยงแห

วันที่ 11 เม.ย. 2566 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวย้ำถึงกรณีที่ประกาศไม่ร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ว่า สิ่งที่ไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับ 2 พรรคดังกล่าว เป็นเรื่องที่สังคมรับทราบชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลประกาศนโยบาย แก้ไขมาตรา 112 และพรรคเพื่อไทยไม่ได้แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นชอบ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการที่นโยบายของพรรคการเมืองจะไปแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า กฎหมายมาตรา 112 เป็นกฎหมายในส่วนกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ และมาตราถัดไปคือมาตรา 113 คือเรื่องเกี่ยวกับคดีกบฏ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปแตะต้องหรือแก้ไข แต่พรรคก้าวไกลมีนโยบายเดินหน้าแก้ไข

“สิ่งเหล่านี้หัวหน้าพรรคและพรรคพลังประชารัฐ แสดงความเห็นแล้วว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งและเห็นว่าต้องคงไว้รักษาไว้ในมาตรา 112 เพื่อจะทำให้สถาบันที่เป็นเรื่องหลักของความมั่นคงของประเทศดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีความเห็นเรื่องนี้เลย และในอดีตเคยถูกกล่าวหาในลักษณะทำนองนี้ การที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้แสดงจุดยืนอะไรออกมา ก็เป็นปัญหาแล้ว”

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีกรณีออกนโยบาย ให้เงินในดิจิทัลวอลเลตคนละ 10,000 บาท ให้ประชาชนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นการเหวี่ยงแห 54 ล้านคน ถือเป็นการแจกเงิน สะท้อนวิธีคิดของพรรคเพื่อไทยและเมื่อโยงไปกับนโยบายเก่าๆ ของพรรค มักจะออกรูปแบบสุ่มเสี่ยงหรือทำให้การเงินมีปัญหา ถ้าเป็นเช่นนั้นหากไปร่วมงานร่วมเป็นคณะรัฐมนตรีคงจะยุ่งไปกันใหญ่ ไปไม่ได้

นายไพบูลย์ กล่าวย้ำว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เห็นชอบก่อนที่ตนจะออกมาพูด และเรื่องนี้มีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวมาหลายปีตลอดเวลาเราคัดค้านมาตลอด และมีความพยายามในชั้นของสภาที่ยังไม่เหมาะสม และยังลุกลามมาเป็นการเสนอนโยบายของพรรคการเมือง เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาถกเถียงกัน เป็นความพยายามต้องการบั่นทอน กัดเซาะให้เกิดความเสื่อมหรือมีปัญหาของสถาบัน

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า มองว่าจงใจหรือมีจุดประสงค์หรือมีเจตนาดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดคุยกัน จึงถือว่าเกินไป เรารับไม่ได้อย่างแน่นอน พรรคก้าวไกลเป็นเจ้าของเรื่อง ส่วนพรรคเพื่อไทยเพิกเฉยไม่มีการแสดงอาการอะไร แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น จึงอนุมานได้ว่าคนที่นิ่งคือไม่ได้แย้ง

ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มองเป็นความเห็นส่วนตัวที่เร็วเกินไป และบางคนอาจมองว่าสวนทางกับแนวทางก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ.ประวิตร นั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคให้ความเห็นชอบแล้ว ตนจึงออกมาพูดได้ และเป็นคนละเรื่องกับเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ที่พรรคยังคงยึดหลักดังกล่าว แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่จะต้องไปร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่เห็นนโยบายแล้วรับไม่ได้ จึงประกาศว่าไม่ร่วม เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะมีข่าวหรือว่ามีดีลลับว่าพรรคพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยและไกลไปถึงจะจับมือกับพรรคก้าวไกล

“ต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่มีนโยบายที่เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และย้ำว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกันในพรรค เมื่อหัวหน้าพรรคเห็นด้วย จึงต้องมาเสนอต่อสังคมเพื่อให้เห็นชัดเจนว่าจะไม่ร่วมงานกับทั้ง 2 พรรค” นายไพบูลย์ กล่าว

เชิญร่วมโหวตครั้งประวัติศาสตร์ “มติชน x เดลินิวส์” โพลเลือกตั้ง ’66 เลือกนายกฯ ที่ใช่-เลือกพรรคการเมืองที่ชอบ คลิกทำโพลได้ที่ >> https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/

#โหวตอนาคต
#โพลเลือกตั้งมติชนเดลินิวส์
#เลือกตั้ง66
#มติชนเลือกตั้ง66

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ