“ไผ่ ลิกค์” ยังมีโอกาสนั่ง รมช.พาณิชย์ “เศรษฐา” ยันยังเก็บที่ไว้ให้ แต่รอไปก่อน ติดปัญหาเดียวที่ต้องถอนชื่อออกก่อน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ไม่มีชื่อ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และยังถือว่าโควตาของพรรค พปชร.ยังอยู่ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่ายังอยู่ ยังไม่ได้แต่งตั้งใครเข้ามา เพราะ นายไผ่ มีความไม่แน่นอนเรื่องคุณสมบัติ ประเทศชาติจะได้เดินต่อไปได้ การแต่งตั้ง ครม. เพื่อที่จะบริหารแผ่นดินได้ ต้องขอบคุณ แล้วให้ตรวจสอบคุณสมบัติให้ชัดเจนอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับกรณีของ นายพิชิต ชื่นบาน ยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เพียงแต่มีข้อติงมาเยอะ นายพิชิต ไม่อยากทำให้ ครม.ลำบากใจ ผมต้องขอขอบคุณท่าน

เมื่อถามว่า ความไม่แน่นอนเรื่องคุณสมบัติ หากมีการเสนอชื่อเข้าไปใหม่ ยังมีสิทธิใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเก็บที่ไว้ให้อยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายไผ่ ลิกค์ ไม่มีรายชื่อ ทั้งที่โผก่อนหน้า มีชื่อดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้น มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า เนื่องจากขั้นตอนตรวจสอบพบว่า มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติเกี่ยวกับคดีความ ทำให้การตรวจสอบของคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีกลับรายชื่อมา ยังไม่ยอมให้ผ่าน นายเศรษฐา ตัดสินใจถอนรายชื่อออกมาไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่ม หากต้องรอ อาจทำให้การเสนอรายชื่อทูลเกล้าฯ เกิดความล่าช้าได้

• รู้จัก “นภินทร ศรีสรรพางค์” นั่ง รมช.พาณิชย์ ครม.เศรษฐา 1 จากโผก่อนหน้าคือ “ไผ่ ลิกค์”

ประวัติ “ไผ่ ลิกค์” เจ้าของฉายา “ไผ่ วันพอยท์”

สำหรับนายไผ่ ลิกค์ เป็นบุตรของนายเรืองวิทย์ ลิกค์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงและสมาชิกบ้านเลขที่ 111 กับนางปราณี โชติรัชต์กุล เกิดเมื่อวันที่  20 เมษายน พ.ศ. 2521 ปัจจุบันอายุ 45 ปี มีน้องชาย คือ นายภูผา ลิกค์ เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีปทุม หลังเรียบจบได้มาสานต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว และขยายธุรกิจมายังแวดวงรถยนต์และเต็นท์รถมือสอง ชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ จนได้ฉายา “ไผ่ วันพอยท์”

เส้นทางชีวิตทางการเมือง

หลังจาก นายเรืองวิทย์ ลิกค์ บิดา ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ตามคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคไทยรักไทย เนื่องจากอยู่ในกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ที่นั่งเป็นกรรมการบริหารพรรค จึงผลักดันให้ นายไผ่ ลงเล่นการเมืองแทน โดยประเดิมสนามครั้งแรกในสังกัดพรรคพลังประชาชน เมื่อปี 2550 แต่สอบตกไม่ได้รับการเลือกตั้ง ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2554 นายไผ่ ลิกค์ ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เอาชนะนายสุขวิชชาญ มุสิกุล จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้สำเร็จ จนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งโฆษกคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร

ในปี 2561 ได้ตัดสินใจย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับ สส.โซนภาคเหนือ อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2562 นายไผ่ ลิกค์ ก็ได้รับการเลือกตั้งให้เป็น สส.สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ

ต่อมาวันที่ 19 ม.ค. 2565 พรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และเลขาธิการพรรค พร้อม สส. รวม 21 คน ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยหนึ่งในนั้นคือนายไผ่ ลิกค์ เนื่องจากมีเหตุผลเชื่อว่า สร้างความขัดแย้งและแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ มาอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส ไปตั้งพรรคใหม่ ชื่อว่า “พรรคเศรษฐกิจไทย” โดยดึงนายไผ่ ลิกค์ ย้ายสังกัดไปอยู่ด้วย

แต่เมื่อเลือกตั้งปี 2566 ร.อ.ธรรมนัส ได้พา สส.ในสังกัด รวมถึงนายไผ่ ลิกค์ ย้ายเข้ากลับพรรคพลังประชารัฐตามเดิม และนายไผ่ ลิกค์ ก็ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้งเป็นสมัยที่ 3 ทำให้นายไผ่ ลิกค์ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ วางตัวให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม นายไผ่ ลิกค์ เคยตกเป็นข่าวดัง เรื่องที่มารถลัมโบร์กินี อะเวนตาโดร์ คันต้องสงสัย ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เรียกเข้าตรวจสอบ แต่นายไผ่ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปเรียบร้อยแล้ว