เมื่อวันที่ 23 ก.พ. เอเอฟพี รายงาน ท่าทีของประชาคมโลกหลังกองทัพรัสเซียบุกเข้าสู่ดินแดนที่กองกำลังติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซียครอบครองอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศยูเครน เรียกเสียงประณามจากนานาชาติและมาตรคว่ำบาตรหลายประเทศต่อเนื่องต่อทางการรัสเซีย ขณะที่ทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกาประกาศว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ยกเลิกกำหนดการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในช่วงสุดสัปดาห์นี้แล้ว
ท่ามกลางการจับตาของหลายฝ่ายถึงการตอบโต้จากชาติตะวันตกที่ถูกยกไปเทียบกับกรณีของไต้หวันหากจีนตัดสินใจใช้กองทัพบุกยึด หลังกองทัพรัสเซียเคลื่อนพลเข้าสู่แคว้นโดเนตสก์และลูฮานสก์โดยอ้างว่าปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ
ประธานาธิบดี ปูติน ออกมาประกาศเนื่องในวันพิทักษ์ปิตุภูมิ ว่ารัสเซียมีความพร้อมเสมอในการหาทางออกจากวิกฤตความตึงเครียดที่เกิดขึ้นด้วยหนทางการทูต แต่ย้ำว่าผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของพลเมืองเป็นสิ่งที่เจรจากันไม่ได้
ขณะที่วุฒิสภารัสเซียลงมติเป็นเอกฉันท์รับรองอำนาจของประธาธิบดีปูตินให้ส่งกองทัพรัสเซียเข้าปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในแคว้นโดเนตสก์และลูฮานสก์ซึ่งทางการรัสเซียรับรองเป็นรัฐเอกราชแล้ว สร้างความหวาดวิตกว่ากองทัพรัสเซียอาจตัดสินใจบุกเข้าสู่พื้นที่อื่นของยูเครนจนกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ระหว่างองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติก หรือนาโต กับรัสเซีย
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดนยังประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อทางการรัสเซียพร้อมประณาม “จุดเริ่มต้นของการรุกรานยูเครน” ส่งผลให้อีกหลายชาติ อาทิ เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน ออกมาประกาศใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียด้วย แต่ทางการจีนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการใช้บทลงโทษด้วยการคว่ำบาตร
ด้านทางการยูเครนแสดงความยินดีต่อการตอบโต้จากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรต่อรัสเซีย ขณะที่กองทัพยูเครนเปิดเผยว่ากองกำลังติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซียยกระดับการใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มส่งผลให้มีทหารพลีชีพ 1 นาย บาดเจ็บ 6 นาย จากการยิงถล่ม 96 ครั้งในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากการยิงถล่ม 84 ครั้งเมื่อวันก่อน
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวยังถูกจับตามองจากชาวจีนที่ต่างวิพากษ์วิจารณ์โดยนำยูเครนไปเปรียบเทียบกับไต้หวัน ซึ่งบางส่วนระบุในเว่ยโป๋ว่าหากสหรัฐฯ และชาติตะวันตกไม่กล้าสู้รบและใช้เพียงบทลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ก็น่าจะเป็นสัญญาณดีที่จีนจะส่งกองทัพเข้ายึดครองไต้หวันได้โดยง่าย