วันที่ 21 ธันวาคม 2566 คดีน้องชมพู่ ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล หลังจากที่เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 66) ศาลชั้นต้น หรือ ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้มีการนัดอ่านคำพิพากษา ได้แก่ นายไชย์พล (สงวนนามสกุล) หรือ ลุงพล และ นางสาวสมพร (สงวนนามสกุล) หรือ ป้าแต๋น ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ซึ่งคดีดังกล่าวกินระยะเวลามานานกว่า 3 ปี ถึงจะมีการพิพากษาศาลชั้นต้น แม้ว่าผลการพิพากษาจะตัดสินให้ลุงพลต้องจำคุก ใน 2 ข้อหา แต่หลายคนกลับตั้งคำถามถึง แรงจูงใจคดีน้องชมพู่ ว่าเกิดจากอะไร
โดยเมื่อวานนี้ ศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล หรือ ลุงพล) มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 317 วรรคแรก ฐานกระทำ โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 กับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง อนึ่ง คดีนี้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหารตรวจสำนวนและทำความเห็นแย้งว่า พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีข้อสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 เห็นควรพิพากษายกฟ้อง จึงให้รวมไว้ในสำนวน
- เปิดใจ ‘แม่น้องชมพู่’ หลังศาลตัดสิน ‘ลุงพล’ เผย แม่ขอให้หนูไปเป็นนางฟ้า
- เปิดใจลุงพล หลังได้รับประกันตัว เผย ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ
- เปิดคำสาบาน ลุงพล จุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 ครั้ง ยันความบริสุทธิ์ใจ
ซึ่งในเอกสารเผยแพร่ข่าวสารของ คดีน้องชมพู่ มีช่วงตอนหนึ่งที่กล่าวถึง กรณีแรงจูงใจ ของจำเลยที่ 1 คือ นายไชย์พล หรือ ลุงพล ว่า “ปัญหาต่อมาต้องวินิจฉัยว่า ขณะพาผู้ตาย (น้องชมพู่) ขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) รู้หรือไม่ว่า ผู้ตาย (น้องชมพู่) ถึงแก่ความตายแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ร่วมทั้งสอง (พ่อ-แม่ น้องชมพู่) หรือผู้ตาย (น้องชมพู่) มาก่อน จึงไม่น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) มีเจตนาฆ่าหรือเจตนาทอดทิ้งผู้ตาย (น้องชมพู่) ประกอบกับรายงานการตรวจศพผู้ตาย (น้องชมพู่) พบรอยช้ำใต้หนังศีรษะ บริเวณหน้าผากด้านซ้าย และท้ายทอย เป็นจ้ำ ๆ จึงอาจเป็นกรณีที่ผู้ตาย (น้องชมพู่) หมดสติไป ส่วนจำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) ไม่ได้ตรวจดูให้ดีเลยพาผู้ตาย (น้องชมพู่) ไปทิ้งไว้บนเขาภูเหล็กไฟ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ซึ่งหากอธิบายง่ายๆก็คือ “ไม่มีแรงจูงใจ เป็นเพียงแค่ความประมาทเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ทางด้านตัวนายไชย์พล หรือ ลุงพล หลังจากศาลได้ตัดสินให้จำคุก 20 ปี ในความผิด 2 ข้อหา ต่อมา ทนางด้านทนายได้ยื่นขอประกันตัวตามสิทธิด้วยโฉนดที่ดิน รวมมูลค่ากว่า 600,000 บาท ซึ่งทางฝั่งของจำเลยได้ประกาศจะขอต่อสู่คดีจนถึงที่สุดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม แต่อย่างไรก็ตาม ลุงพล และ ป้าแต๋น ก็น้อมรับในคำพิพากษาของศาลจังหวัดมุกดาหาร