ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ มีเสียวตกรอบยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อถูกคู่แข่งยิงนำ แต่มารัวแซงจนคว้าแชมป์กลุ่มไปได้ ขณะที่ลิเวอร์พูลซิวชัยทิ้งท้าย

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2022-23 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน กลุ่มดี โอลิมปิก มาร์กเซย จากฝรั่งเศส เปิดสนามสตาด โอร็องช์ เวโลโดรม รับการมาเยือนของ “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จากอังกฤษ

เกมนี้เจ้าบ้านจัด อเล็กซิส ซานเชซ, อามิน ฮาริต, มัตเตโอ เกนดูซี ลงสนาม ส่วนทีมเยือนนำโดย แฮร์รี เคน, ลูคัส มูรา, ซน ฮึง-มิน

นาที 19 โอกาสเป็นของมาร์กเซย นูโน ตาวาเรส จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ อเล็กซิส ซานเชซ แตะหนีกองหลังแล้วสับไกยิง อูโก โยริส ยังทุบออกไปได้

นาที 33 ช็องเซล เอ็มเบมบา เปิดบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษหลุดไปถึง ฌอร์กดัน แวร์ตูต์ รับได้แล้ววอลเลย์ตรงกรอบ อูโก โยริส พุ่งปัดทิ้งได้เยี่ยม มาร์กเซยยังไม่ได้ประตู

นาที 45+2 มาร์กเซยได้เตะมุมฝั่งขวา อามิน ฮาริต เขี่ยสั้นให้ ฌอร์กดัน แวร์ตูต์ เปิดเข้ากลางไปถึง ช็องเซล เอ็มเบมบา ขึ้นโขกเหน่งๆ เสียบตาข่าย เจ้าบ้านนำ 1-0

นาที 45+8 สเปอร์สได้ลุ้นตีเสมอ ไรอัน เซสแซญง จ่ายบอลให้ แฮร์รี เคน ยิงจากนอกเขตโทษ เปา โลเปซ กระโดดปัดโดนปลายนิ้วเซฟไว้ได้ จบครึ่งแรกมาร์กเซยนำ 1-0

ครึ่งหลังนาที 54 สเปอร์สได้ฟรีคิกทางฝั่งซ้าย อิวาน เปริซิช เปิดโค้งเข้าเขตโทษให้ เกลม็องต์ ล็องเลต์ ขึ้นโขกเสียบมุม ทีมเยือนตีเสมอ 1-1

นาที 65 ลูคัส มูรา กระโดดขึ้นเหนือคู่แข่งแล้วโหม่งเช็ดให้ แฮร์รี เคน หลุดเข้าไปเผชิญหน้านายทวารก่อนยิงไม่เหลือ แต่เคนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า สเปอร์สชวดขึ้นนำ

นาที 81 โอกาสเป็นของสเปอร์สอีก โรดริโก เบนตานกูร์ ปาดบอลจากด้านซ้ายของเขตโทษไปถึง ลูคัส มูรา แปะต่อให้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ยิงไปชนคานเต็มๆ

นาที 90+5 สเปอร์สได้โต้กลับเร็ว แฮร์รี เคน ครองบอลกลางสนามแล้วจ่ายต่อให้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก กระชากไปถึงหน้าเขตโทษแล้วสับไกยิงเสียบตาข่าย “ไก่เดือยทอง” จึงบุกชนะ 2-1 เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ขณะที่มาร์กเซยตกรอบ

อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน สปอร์ติง ลิสบอน (โปรตุเกส) แพ้ ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมนี) 1-2 ทำให้แฟรงก์เฟิร์ตเข้ารอบ ส่วนสปอร์ติงต้องหล่นไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก

เจ้าบ้านได้ประตูจาก อาร์ตูร์ โกเมส นาที 39 ส่วนทีมเยือนได้จาก ไดจิ คามาดะ นาที 62 (จุดโทษ), ร็องดัล โคโล มูอานี นาที 72

สรุปอันดับหลังจบ 6 นัด 1. ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (11 คะแนน, เข้ารอบ) 2. ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต (10 คะแนน, เข้ารอบ) 3. สปอร์ติง ลิสบอน (7 คะแนน, ไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก) 4. โอลิมปิก มาร์กเซย (6 คะแนน, ตกรอบ)

กลุ่มเอ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่าจากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์ เอาชนะ “อัซซูรา”นาโปลี จากอิตาลี 2-0

เจ้าบ้านได้ประตูจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาที 85, ดาร์วิน นูนเญซ นาที 90+8

อีกคู่ เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์) แพ้ อาแจ็กซ์ (เนเธอร์แลนด์) 1-3 เจ้าบ้านได้ประตูจาก เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ นาที 87 (จุดโทษ) ส่วนทีมเยือนได้จาก สตีเฟน เบิร์กฮอยส์ นาที 4, โมฮัมเหม็ด คูดุส นาที 29, ฟรานซิสโก คอนไซเซา นาที 89

สรุปอันดับหลังจบ 6 นัด 1. นาโปลี (15 คะแนน, เข้ารอบ) 2. ลิเวอร์พูล (15 คะแนน, เข้ารอบ) 3. อาแจ็กซ์ (6 คะแนน, ไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก) 4. เรนเจอร์ส (0 คะแนน, ตกรอบ)

กลุ่มบี เอฟซี ปอร์โต จากโปรตุเกส เปิดสนามเอสตาดิโอ โด ดราเกา เอาชนะ “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด จากสเปน 2-1 ทำให้ปอร์โตได้แชมป์กลุ่ม ส่วนแอตฯ มาดริดตกรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้ในฐานะบ๊วยเป็นหนแรก

เจ้าบ้านได้ประตูจาก เมห์ดี ตาเรมี นาที 5, สตีเฟน ยูสตากิโญ นาที 24 ส่วนทีมเยือนได้จาก อิบัน มาร์กาโน นาที 90+5 (ทำเข้าประตูตัวเอง)

ผลอีกคู่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (เยอรมนี) เสมอ คลับ บรูช (เบลเยียม) 0-0 ทำให้เลเวอร์คูเซนได้ไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก เนื่องจากเฮดทูเฮดดีกว่าแอตฯ มาดริด

สรุปอันดับหลังจบ 6 นัด 1. ปอร์โต (12 คะแนน, เข้ารอบ) 2. คลับ บรูช (11 คะแนน, เข้ารอบ) 3. ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (5 คะแนน, ไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก) 4. แอตเลติโก มาดริด (5 คะแนน, ตกรอบ)

กลุ่มซี “เสือใต้”บาเยิร์น มิวนิก จากเยอรมนี เปิดสนามอัลลิอันซ์ อารีนา เอาชนะ “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี 2-0

เจ้าบ้านได้ประตูจาก แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ นาที 32, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง นาที 72

ผลอีกคู่ วิกตอเรีย เพลเซน (สาธารณรัฐเช็ก) แพ้ บาร์เซโลนา (สเปน) 2-4 เจ้าบ้านได้ประตูจาก โตมัส โครี นาที 51 (จุดโทษ) และ 63 ส่วนทีมเยือนได้จาก มาร์กอส อลอนโซ นาที 6, เฟร์รัน ตอร์เรส นาที 44 และ 54, ปาโบล ตอร์เร นาที 75

สรุปอันดับหลังจบ 6 นัด 1. บาเยิร์น มิวนิก (18 คะแนน, เข้ารอบ) 2. อินเตอร์ มิลาน (10 คะแนน, เข้ารอบ) 3. บาร์เซโลนา (7 คะแนน, ไปยูฟ่า ยูโรปา ลีก) 4. วิกตอเรีย เพลเซน (0 คะแนน, ตกรอบ)