กมธ. กำหนดกรอบให้ปลูกกัญชา บ้านละไม่เกิน 10 ต้น พร้อมจำแนกการปลูกเพื่อการค้าเป็น 3 กลุ่ม ชี้ รายใหญ่ปลูก 20 ไร่ขึ้นไป ต้องให้ผลตอบแทนรัฐ
เมื่อเวลา 12.20 น วันที่ 20 มิ.ย. 2565 ที่รัฐสภา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. … แถลงถึงการประชุมของกมธ. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ในช่วงสุญญาการที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ โดยกมธ.ขอขอบคุณสื่อมวลชนและสถานศึกษาทุกแห่งที่ช่วยทำความเข้าใจเรื่องการระมัดระวังการใช้กัญชา ในกลุ่มเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
ซึ่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีเจตนารมณ์ในการควบคุมการใช้กัญชาอยู่แล้ว สอดรับกับประกาศของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ควบคุมและให้มีการใช้กัญชาในกลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ดังนั้น จึงขอให้ประชาชน รวมถึงสถานศึกษาทุกแห่งความคลายกังวลใจ ถึงข้อกังวลในการใช้กัญชาว่า พวกเราทั้งหมดได้รับรู้ และมีความกังวลไม่ต่างกันในเรื่องการควบคุมการเข้าถึงการใช้กัญชา
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการเข้าถึงเว็บไซต์ “ปลูกกัญ” จำนวน 39 ล้านครั้ง และมีผู้จดแจ้งขอปลูกกัญชาไม่ต่ำกว่า 9 แสนราย ทั้งนี้ กมธ.เสียงข้างมากได้วางหลักการและกรอบการปลูกในครัวเรือน ว่า ให้ปลูกกัญชาได้ไม่เกิน 10 ต้นต่อครัวเรือน โดยมีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้ประชาชนที่เป็นรายย่อยได้ประโยชน์สูงสุดจากพ.ร.บ.ดังกล่าว
นอกจากนี้ กมธ.ได้กำหนดการปลูกทางเศรษฐกิจเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ขนาดเล็ก ปลูกไม่เกิน 5 ไร่ โดยจะลดค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด หรือไม่ควรไม่มีเลย 2.ขนาดกลาง ประมาณ 5-20 ไร่ มีขั้นตอนการขออนุญาตเพิ่มขึ้นมาพอประมาณ และ 3.ขนาดใหญ่ มากกว่า 20 ไร่ขึ้นไป ถือเป็นกลุ่มผู้ลงทุนที่หวังผลทางธุรกิจ จึงต้องมีผลตอบแทนให้รัฐมากขึ้น
นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า ส่วนการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ ทาง กมธ.เห็นพ้องว่า การปลูกกัญชาของทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์อื่นๆ จะได้รับการคุ้มครองในฐานะเพียงจดแจ้งเท่านั้น และจะเหมือนกับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ยืนยันว่า กมธ.จะพิจารณากฎหมายฉบับนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน และเป็นไปเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้มากที่สุด