อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “เมื่อไหร่จะเลิกปลอม” โดน ย้อนศรหลังทักว่าถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์แล้ว “อุ๊งอิ๊ง” เอาทักษิณกลับบ้าน จะเกิดรัฐประหารอีกครั้ง
พูดอย่างนี้ ถึงเป็นคนอื่น ก็ถือว่าผิดหลักการ คือถ้า เพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ทุกฝ่ายก็ต้องเคารพคะแนนเสียงประชาชน ถ้าเป็นแล้วมีปัญหาก็ต้องคัดค้านตามกติกา ไม่ใช่ขู่ว่า อย่าให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลเชียวนะ เดี๋ยวจะทำเพื่อประโยชน์ครอบครัวและพวกพ้องจนเกิดรัฐประหาร พูดเหมือนสร้างความชอบธรรมให้รัฐประหารเสียอีก
ยิ่งเป็นอภิสิทธิ์พูด ก็ยิ่งจุก อย่างที่ “เต้น ณัฐวุฒิ” ย้อนถาม “ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เคยมีหัวหน้าพรรคการเมืองคนใด บอยคอตเลือกตั้ง 2 ครั้ง ทำทางให้รัฐประหาร 2 หน ปราบปรามประชาชนตายเป็นร้อย จนกลายเป็นพรรคครึ่งร้อย ส่องกระจกแล้วอธิบาย”
อภิสิทธิ์คงว่างมากไป ตกงานมา 3 ปี ลืม (หรือแกล้งลืม) ว่าตัวเองเป็นผู้มีส่วนได้เสีย กระทั่งได้เป็นนายกฯ จากรัฐประหารตุลาการภิวัตน์ ไม่สามารถพูดหล่อเป็นผู้สันทัดกรณีวงนอก
ว่าที่จริง คำพูดอภิสิทธิ์ ถ้าลบหน้าคนพูด ก็มีปมน่าคิดในแง่ท่าทีการเมือง เหมือนก่อนหน้านี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ลั่นปาก “สยอง” ถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์โดยลูกสาวทักษิณ
เอามาเทียบกันแต่ไม่ได้บอกว่าจุดยืนเดียวกัน เพราะวันนี้ สุเทพยืนข้างประยุทธ์สุดตัว ขณะที่อภิสิทธิ์ “ไม่เอาตู่” ทั้งคู่กลัวเพื่อไทยเหมือนกันแต่เป็นตัวแทน 2 กลุ่ม หนึ่งคือ กลุ่มสุดติ่งใช้โอกาสนี้ ปลุกเกลียดกลัวชินวัตร ปกป้องประยุทธ์อยู่ต่อ อีกหนึ่งคือ กลุ่มอดีตพันธมิตร กปปส. ที่เปลี่ยนใจไม่เอาตู่แล้ว แต่ไม่รู้จะเอาใคร แถมกลัวเพื่อไทยโผล่มาอีกฟาก
คงเพราะอย่างนี้ จึงเกิดกระแสนายกฯ สำรอง “สุไม่เอาให้เต้” เอ๊ย “ไม่เอาตู่ชูป้อมสำรอง” ซึ่งตลกอยู่ดี เพราะยังมีทฤษฎีสมคบคิด หาว่าป้อมบินไปพบทักษิณที่ลอนดอน
มโนกว่านั้นก็มีทฤษฎีซื้อ ส.ส. 30 ล้านล้มประยุทธ์ ขนาด สมศักดิ์ เทพสุทิน ยังหัวร่อกลิ้ง สอนวิชารัฐศาสตร์ภาคปฏิบัติจริง อายุสภาเหลือไม่ถึงปี ใครจะบ้าซื้อ ส.ส. 30 ล้าน
การเมืองวันนี้ แทบทุกฝ่ายต้องการไปให้พ้นตู่ แม้แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมบางส่วน และภาคธุรกิจที่เห็นว่าเศรษฐกิจไทยไม่รอดแน่ แต่ถ้าไม่เอาตู่ก็ไม่รู้จะเอาใคร เพราะเครือข่ายอนุรักษนิยมหาผู้นำใหม่ไม่เจอ จึงเหไปชูป้อมยักแย่ยักยันขัดตาทัพ
อย่างที่วิษณุสมมติ ถ้าประยุทธ์มีอันเป็นไป ถูกตีความว่าเป็นนายกฯ เกิน 8 ปีไม่ได้ คนเป็นนายกฯ รักษาการคือประวิตร แล้วต้องเลือกนายกฯ ใหม่จากบัญชีพรรคการเมือง ซึ่งเหลืออยู่ 5 คน ถ้าเลือกไม่ได้ก็ไปสู่นายกฯ คนนอก
ฟังดูไม่มีทางไหนลงตัว เว้นแต่ประวิตรรักษาการแล้ว ยุบสภา เพราะใน 5 ชื่อ มีแค่อนุทินที่เครือข่ายอำนาจพอรับได้ แต่บุคลิกเสี่ยหนู เป็นได้แค่รองนายกฯ รองมือรองไม้ ไม่สามารถเป็นผู้นำ
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ประยุทธ์ไปแน่ เพราะคงดิ้นสุดฤทธิ์ ทั้งศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งศึกตีความ (ซึ่งตามหลักกฎหมายยัง ไม่ครบ 8 ปี ต้องนับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 แต่หลายคนมองเป็นการเมืองจึงเชื่อว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้)
พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังเหนียวแน่น ประชาธิปัตย์เพิ่งเจ็บหนักจากคดีรองหัวหน้าพรรค จุรินทร์ยืนหยัดไม่ลาออกเพราะเท่ากับหนีปัญหา ท่าทีอย่างนี้ย่อมไม่อยากให้ยุบสภา ภูมิใจไทย ยิ่งอยู่ยาวยิ่งได้เปรียบพรรคอื่น ทั้งพรรครัฐบาลพรรคฝ่ายค้าน นอน ตีพุงดีกว่า พรรคเล็กหรือ ยุบสภาก็หมดอนาคต ระบบเลือกตั้งบัตรสองใบต้องได้สามแสนคะแนนขึ้นไป ไม่ได้เป็น ส.ส.อีก
แต่อนาคตประเทศย่ำแย่ ทุกคนรู้ดี รัฐบาลวันนี้อยู่ด้วย Propaganda เปิดประเทศ 1 พฤษภาก็โหมประโคมราวนักท่องเที่ยวกลับมา 20 ล้าน มีอะไรเป็นข่าวดีทีมโฆษกก็เอามาอ่าน ปั่นข่าวทุกวันเหมือนปั่นหุ้น
สถานการณ์อย่างนี้ยังปลุกผีแม้ว ขู่เพื่อไทยแลนด์สไลด์บ้านเมืองไม่สงบ
พูดกันจริงๆ เพื่อไทยแลนด์สไลด์ไม่ใช่ง่าย ต้องได้ 14 ล้านเสียงขึ้นไป เลือกตั้ง 62 เพื่อไทยได้ 7.9 ล้านเสียง แม้อาจติดไปกับอนาคตใหม่เพราะไทยรักษาชาติถูกยุบ สัก 3 ล้านกว่าเสียง ก็แค่ 11 ล้านเสียง แม้ได้กติกาบัตรสองใบชวนเลือก ส.ส.เขตเพื่อไทยไว้ก่อน ก็ไม่ใช่ว่าคะแนน ก้าวไกลจะเทให้เพื่อไทยทั้งหมด หลายพื้นที่ต้องแข่งกัน รวมทั้งแข่งไทยสร้างไทย
เพื่อไทยก้าวไม่พ้นชินวัตร-อาจใช่ เพราะแบรนด์ชินวัตรทำให้คนเชื่อว่ามีฝีมือบริหารเศรษฐกิจ ยิ่งเศรษฐกิจย่ำแย่ แบรนด์ชินวัตรยิ่งขายได้ แต่ก็ไม่ใช่เศรษฐกิจปากท้องอย่างเดียว เลือกตั้ง 54 “แดงทั้งแผ่นดิน” ชนะล้นหลามเพราะมวลชนต้องการทวงความยุติธรรมปี 53
ถ้ากลัวเพื่อไทย ก็อย่าให้ประยุทธ์พาลงเหวต่อไป อย่าใช้ยุติธรรมอำมหิตกับคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะยิ่งเทคะแนนให้ฝ่ายค้าน
อันที่จริง ฟังอภิสิทธิ์พูดถึงข้อเรียกร้องคนรุ่นใหม่ก็ “อย่างหล่อ” แนะผู้มีอำนาจเจรจา ไม่ใช่จับกุมคุมขัง อย่างเดียว
มุ่งไปทางนี้ดีกว่า มาร์ค ถ้าช่วยเคลียร์ได้ก็ยังพอล้างบาป แม้ล้างอดีตไม่ได้ก็ตาม