ใบตองแห้ง – เลือกตั้งแค่ต่อรอง

Home » ใบตองแห้ง – เลือกตั้งแค่ต่อรอง



ถ้าประยุทธ์ชนะเลือกตั้ง ฝ่ายประชาธิปไตย นักเคลื่อนไหว แกนนำม็อบ ฯลฯ จะถูกบดขยี้ ถูกปราบปรามอย่างหนักหน่วง พวกที่มีคดีความอาจถูกจำคุก จนกระทั่งผู้มีอำนาจเห็นว่าราบคาบหลาบจำจึงให้อภัยเอาบุญคุณ

งั้นถ้าฝ่ายค้านชนะ จะแก้ไขสถานการณ์ได้แค่ไหน ช่วยได้ไม่มากหรอก อย่างมากก็แค่ประทัง ขอประนีประนอม เจรจาต่อรอง ระบอบอำนาจปัจจุบันใหญ่โตเหนือรัฐบาลเลือกตั้งโดยสัมบูรณ์ ไม่ต้องพูดถึงแตะต้องกองทัพ กระบวนการยุติธรรม เอาแค่ย้ายตำรวจที่ทำร้ายม็อบ ยังไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า

รัฐธรรมนูญ 2560 วางกับดักแน่นหนากว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ที่สมัครอยู่ไม่ถึงปี ตกเก้าอี้เพราะทำกับข้าวออกทีวี ยิ่งลักษณ์ชนะล้นหลามอยู่ได้แค่ 2 ปี พยายามแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่สำเร็จ

นี่เป็นความจริงที่เศร้าใจ รัฐประหารสืบทอดอำนาจใช้อำนาจเบ็ดเสร็จตามอำเภอใจ แต่รัฐบาลจากเลือกตั้งทำอะไรแทบไม่ได้ จะแก้ปมปัญหาที่ฝังระเบิดเวลาไว้ แต่ละเปลาะก็ยาก เช่นเสนอทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ยังโดน 250 ส.ว.ดองไว้

นึกภาพประยุทธ์ชนะ สามารถดึงพรรคเดิมๆ ตั้งรัฐบาล กลไกอำนาจจะยิ่งปราบปรามลงทัณฑ์คนต่อต้านอย่างหนัก จำกัดเสรีภาพ ปิดกั้นสื่อ ปราบนักวิชาการในมหาวิทยาลัย เปลี่ยนหลักสูตรการศึกษา มวลชนจัดตั้งฝ่ายขวา ก็จะฮึกเหิมชี้เป้าให้เล่นงานคนนั้นคนนี้

คุณอาจจะบอกว่าประยุทธ์ไม่ชนะหรอก แต่นึกภาพกลับกัน ถ้าฝ่ายค้านชนะ เป็นรัฐบาล เพราะเสียงเกินครึ่งจนกระทั่งฝั่งสืบทอดอำนาจตั้งรัฐบาลไม่ได้ จำต้องยอม แต่แม้มี ส.ส.ข้างมาก ก็ยังจะถูก 250 ส.ว.เตะตัดขา เวลาออกกฎหมายหรือญัตติต่างๆ ซ้ำยังมีกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ องค์กรอิสระ กกต. ป.ป.ช. จ้องรออยู่

ไม่ต้องพูดถึงการสะสางฝ่ายตรงข้าม ย้ายข้าราชการ สอบสวนเอาผิดตำรวจทหาร ที่รับใช้ประยุทธ์กวาดล้างประชาชน แค่เงื้อดาบก็จะโดนข้อหา รังแกข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน

ประยุทธ์เป็นตัวแทนอำนาจอนุรักษนิยม นั่งเก้าอี้นายกฯ บัญชารัฐราชการ ใช้อำนาจได้เต็มร้อยหรือเกินร้อยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นนายกฯ เพื่อไทย ใช้อำนาจได้กึ่งหนึ่งของประยุทธ์ ก็บุญเหลือหลาย

ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยชนะ รัฐบาลต้องรับภาระหลายด้านพร้อมกัน ในทางเศรษฐกิจ ต้องแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนพอใจ พร้อมไปกับทำให้เกิดบรรยากาศ Compromise ที่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ในทางการเมืองก็ต้องยืนหยัดแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมายเผด็จการ นักการเมืองก็ต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ห้ามมีเรื่องอื้อฉาว ที่จะถูกจุดชนวนโค่นล้มอีก

ยากที่สุดคือ การสะสางความอยุติธรรมในช่วง 16 ปี ที่ยัดข้อหา คดีความ ย้อนตั้งแต่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ แกนนำเสื้อแดง มาถึงธนาธร และคนรุ่นใหม่

ล่าสุด ธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์ ก็เพิ่งถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง 116 ตามที่พุทธอิสสระกล่าวหา ทั้งๆ ที่อัยการเจ้าของสำนวนสั่งไม่ฟ้อง รังสีอำมหิตเห็นชัดเจน

ฝ่ายค้านจะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล แต่แกนนำเสื้อแดงติดคุก คนรุ่นใหม่โดน 112,116 ระนาว เป็นรัฐบาลแล้วทำอะไรได้ อาจได้แค่เจรจาต่อรองประนีประนอมแลกเปลี่ยน

แต่ไม่มีทางแตะปัญหาโครงสร้าง

นี่ไม่ใช่ว่ารัฐบาลเลือกตั้งอ่อนแอ (หรือ “สู้ไปกราบไป”) แต่ไม่มีปืนไม่มีกฎหมาย ก็ทำได้แค่เจรจาต่อรอง เราไม่ได้อยู่ในยุคอดีต แบบพรรคคอมมิวนิสต์ยึดอำนาจรัฐด้วยกำลังอาวุธ ชนะแล้วมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ปฏิวัติสังคมพลิกแผ่นดิน

มีแต่รัฐประหารทำอย่างนั้นได้ ชนะด้วยบัตรเลือกตั้ง ชนะแบบไม่มีปืน ทำได้แค่ประคับประคอง ต่อรอง แก้ปัญหาประชาธิปไตยทีละเปลาะ พร้อมกับบริหารประเทศให้คนส่วนใหญ่พอใจ รักษาความเชื่อมั่นจากพลังประชาธิปไตย ระมัดระวังไม่ให้นักการเมืองทำเรื่องเสียหาย เพราะฝ่ายที่มีปืนจ้องโค่นล้มทุกเมื่อ

พูดอย่างนี้ไม่ได้ชวนท้อใจ หมดหวัง แต่ให้ตระหนักว่า ชนะเลือกตั้งยังไม่ใช่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ อย่าฝากความหวังที่การเลือกตั้งมากเกินไป แม้ในด้านหนึ่ง การเลือกตั้งสะท้อนพลังประชาชน สร้างต้นทุนความชอบธรรม แต่อีกด้านหนึ่ง การฝากความหวังชนะเลือกตั้ง “แลนด์สไลด์” กระทั่งการเคลื่อนไหวต่อสู้ในแนวรบอื่นๆ ชะลอลง ก็ไม่เป็นผลดีกับประชาธิปไตย

กระนั้นฝ่ายอนุรักษนิยมก็มีปัญหาของตัวเองเช่นกัน ถ้าฝ่ายค้านชนะเลือกตั้ง แล้วรักษาอำนาจได้ครบ 1 ปี 250 ส.ว.ก็หมดวาระ 2 ปี ประยุทธ์ครบวาระ พลังอนุรักษ์จะอ่อนลง (ตรงกันข้ามถ้าเขาชนะก็จะแก้รัฐธรรมนูญให้อยู่ต่อ)

ฝ่ายค้านชนะ อาจทำอะไรได้ไม่มาก แต่ฝ่ายอนุรักษ์ก็ไฟลนก้น เวลาเหลือน้อยลง

ข้อแตกต่างจากอดีตคือปัจจุบัน ฝ่ายประชาธิปไตยมีหลายพรรค เป็นตัวแทนพลังที่แตกต่าง เพื่อไทยเป็นพรรคมวลชนที่ได้ฐานเสียงวงกว้างหลากหลาย ก้าวไกลเป็นตัวแทนพลังดุดันของคนรุ่นใหม่ ถ้าเคียงคู่กันได้อย่างสมดุล ฝ่ายอนุรักษ์ก็จะกดดัน

ฝ่ายประชาธิปไตยจำเป็นต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ รอฝ่ายอนุรักษ์เป็นฝ่ายกระทำและผิดพลาดมหันต์ นั่นแหละจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ