หนังสือ พ.ต.ท.ชี้แจงกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม กรณีขอหมายจับและถูกเรียกกลับไปเพิกถอนหมายจับ “ส.ว.ทรงเอ” ปลิวว่อนโลกออนไลน์ สั่นสะเทือนตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ที่ย่ำแย่ต่อเนื่อง
ถูกตั้งข้อหามีโทษประหาร 3 กรรม ออกหมายจับไปแล้วสั่งถอน อ้างว่าเป็น ส.ว.ไม่น่าหลบหนี ที “ทะลุแก๊ซ” มีระเบิดปิงปองโทษ 3 ปี ท่านว่าจะหลบหนีไม่ให้ประกัน
แม้อ้างระเบียบ ขอหมายจับต้องเสนอผู้บังคับบัญชาก่อน ผู้พิพากษาเวรต้องปรึกษาผู้บริหารศาลก่อน ฯลฯ ก็ไม่ทำให้ชาวบ้านเชื่อ
อ้างว่า “ผิดพลาดทางเทคนิค” ทำไมไม่ออกหมายจับใหม่ ตำรวจที่จับ “ทุนมินลัต” โดนย้ายยกชุด ย้ายนอกฤดูกาล หัวหน้าชุดโดนเด้งจากนครบาลไปบ้านเดื่อ ชัยภูมิ
คนไทยเห็นตำหูตำตามาตลอดชีวิต เรื่องอภิสิทธิ์เส้นสาย กฎหมายมีไว้เลือกปฏิบัติ คนจึงเชื่อชูวิทย์มากกว่ากระบวนการยุติธรรม โดยไม่ต้องเชื่อว่าชูวิทย์เป็นคนดี ตั้งแต่เรื่องทุนจีน สีเทา ตำรวจตบทรัพย์ พัวพันพนันออนไลน์ตั้งแต่สารวัตรถึงนายพล
ส.ว.ก็ไม่เบา โดนข้อหาฝากกิ๊กฝากคนใช้เข้าตำรวจทหาร ไม่รู้สอบจริยธรรมกันเสร็จหรือยัง เผลอๆ ยังได้โหวตนายกฯ อีกสมัย
พรรครวมไทยสร้างชาติเถียงคอเป็นเอ็น เช่าที่ทำการพรรค ใครจะรู้ว่าเจ้าของที่ทำผิด แถแบบนั้นก็ได้ แต่ใครตั้งเป็น ส.ว. ประยุทธ์ไง มันจึงขว้างไม่พ้นคอ
ประยุทธ์จะบอกได้ไงว่าไม่เกี่ยวไม่รับผิดชอบ ในเมื่อเป็นคนตั้ง แถมยังเป็นคนกำกับดูแลตำรวจ ถ้ารวมไทยสร้างชาติอยากให้เรื่องเบา ก็ควรเข้าชื่อเรียกร้องให้เขาลาออกจาก ส.ว. ประยุทธ์ปลดไม่ได้ ก็ต้องขอร้อง ให้ลาออกมาสู้คดีเยี่ยง ชาวบ้านธรรมดา
คำถามมีอีกว่า เขาทำความดีความชอบอะไร ประยุทธ์จึงตั้งให้เป็น ส.ว. ประยุทธ์ตรวจสอบประวัติก่อนไหม รู้ใช่ไหมว่า ทำธุรกิจชายแดนพม่า รู้ใช่ไหมว่าทำธุรกรรมกับคนสนิทมิน อ่อง ไหล่ ฯลฯ
ไม่มีใครตอบได้ เพราะทั้ง 250 คน ล้วนไม่มีเหตุผลอธิบายว่า ทำดีอะไรจึงได้เป็น ส.ว. กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนพร้อมมีเอกสิทธิ์
แล้ว 250 ส.ว.ก็ยังอยู่อีกปี ยังโหวตนายกฯ ได้อีกครั้ง เป็นอำนาจเหนือคะแนนเสียงประชาชน ที่อยู่ในมือประยุทธ์ ประวิตร
กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เละเทะแค่ตำรวจ ซึ่งเอามือปิดปากลากป้า แล้วยังตั้งข้อหาต่อสู้ขัดขวาง โทษฐานไม่ยอมให้ปิดปากปิดจมูกโดยละม่อม ยิงกระสุนยาง “พายุ ทะลุฟ้า” ตาบอด แล้วยังตั้งข้อหาประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ มีอำนาจแบบนี้จึงรีดไถชาวบ้านกันเอิกเกริก
อัยการซึ่งอ้างว่าเป็นอิสระ ก็อื้อฉาวมาแล้วจากคดีบอสพุ่งชน ซึ่งชงเรื่อง “ขอความเป็นธรรม” มาจาก สนช.รัฐประหารตั้ง กรรมาธิการที่เต็มไปด้วยอดีต ผบ.ตร.
เวลาพูดเรื่องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม มักมีคนเสนอให้อัยการคุมการสอบสวนของตำรวจแบบฝรั่ง แต่ชาติหน้า ตอนบ่ายๆ ก็ไม่สำเร็จ เพราะอัยการไม่ได้น่าเชื่อถือกว่าตำรวจ
อธิบดีดีเอสไอโดนปลดฟ้าผ่า นี่คือหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาหวังถ่วงคานตำรวจ ประธาน ปปง.โดนชูวิทย์แฉจนลาออก แต่น่าประหลาดใจไม่มีการสอบสวน แล้วก็ตั้ง “ปลัดฉิ่ง” ไปนั่งทับ
ประธาน ปปง.ที่ลาออก เป็นเลขาธิการมา 4 ปี ภายใต้ประธานคนก่อน ซึ่งก็เป็นเลขาฯ มา 4 ปี รวม 8 ปีในยุคประยุทธ์ ซึ่งตั้งแต่หลังรัฐประหารก็เข้าไปรื้อล้างทั้งตัวบุคคลและกฎหมาย จากองค์กรกึ่งๆ อิสระ กลายเป็นหน่วยงานใต้บัญชานายกรัฐมนตรี ปปง.มีอำนาจมาก ยึดอายัดทรัพย์ได้ก่อนศาล แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็น ปปง.โทร.ขู่พ่อค้าเยี่ยวราด แต่พอมีเรื่องอื้อฉาว แค่ลาออกแล้วเงียบไป?
กระบวนการยุติธรรมไทยนั้นมีปัญหามานาน เพียงแต่เมื่อก่อนยังซุกไว้ใต้พรม และประชาชนยังเห็นแค่ตำรวจ จนหลังรัฐประหาร 49 เอา “ตุลาการภิวัตน์” มาใช้เล่นงานทางการเมือง เอาองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือ
รัฐธรรมนูญ 2560 ยิ่งถอยหลัง รัฐประหาร 57 ฟื้นรัฐอำนาจนิยม แล้วเอากระบวนการยุติธรรมมารับใช้ เพิ่มอำนาจ ปราบคนเห็นต่าง กระทั่งเน่าใน เพราะหน่วยงานด้านปราบปรามยิ่งมีอำนาจมากยิ่งฉ้อฉลง่าย ตำรวจได้อำนาจมากเพื่อปราบม็อบยัดข้อหา ก็ใช้อำนาจนั้นไปหากินกับทุนจีนสีเทา
อำนาจเหล่านี้เปลี่ยนรัฐบาลก็ไม่ใช่จะแก้ได้หมด ถ้าประยุทธ์แพ้เลือกตั้ง รัฐบาลใหม่ก็ทำได้แค่ย้ายตำรวจ ซึ่งขั้วอำนาจรัฐประหารวางฐานไว้ 9 ปี รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ยอมให้อำนาจการเมืองแตะต้ององค์กรอื่น โดยอ้างความเป็นอิสระ องค์กรอิสระก็ยังมาจากความเห็นชอบของ 250 ส.ว. ทั้ง ปปช. กกต. คตง. ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง กสทช.ควบรวมทรูดีแทค 3 แสนล้าน
คนไทยตั้งความหวังกับการเลือกตั้ง จะทำให้เศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น พรรคการเมืองมีนโยบายหลากหลายจนตาลาย พักหนี้ บัตรคนจน เด็กคนชรา ฯลฯ แต่ไม่พูดความจริงว่า ต่อให้ชนะเลือกตั้งล้นหลาม ก็เปลี่ยนอำนาจไม่ได้ องค์กรทั้งหลายที่อยู่รายรอบ มีอำนาจมากกว่ารัฐบาล เตะสกัดขัดขวางปูทางไปสู่การล้มรัฐบาลไม่ได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่ใช่ประยุทธ์หรือคนจากฝ่ายเดียวกัน
เปลี่ยนประยุทธ์ไม่พอ ต้องแก้รัฐธรรมนูญด้วย แก้รัฐธรรมนูญไม่พอ ต้องกระทุ้งตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นไม่เชื่อถือต่ออำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน