ใบตองแห้ง – คืนความ(อ)ยุติธรรม

Home » ใบตองแห้ง – คืนความ(อ)ยุติธรรม



ศาลอาญายกฟ้อง 7 แอดมินเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” ซึ่งถูกตั้งข้อหาสร้างความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โทษฐานตัดต่อภาพล้อเลียนประยุทธ์-ประวิตร แล้วชักชวนประชาชนออกมาลอยกระทงยักษ์ขับไล่เผด็จการอัปมงคล

ศาลชี้ว่า เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ การชักชวนประชาชนออกมาลอยกระทงขับไล่นายกฯ เป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฯลฯ

ไชโย คืนอิสรภาพคืนความยุติธรรมให้จำเลยในที่สุด

แต่จำเลยได้ความยุติธรรมกลับมาจริงหรือ

คดีนี้เป็นข่าวครึกโครมเมื่อ 6 ปีที่แล้ว วันที่ 27 เม.ย.2559 ทหารอาวุธครบมือบุกจู่โจมจับประชาชน 8 คนตั้งแต่เช้ามืด ระบุว่าเป็นแอดมินเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” เพจล้อเลียนที่โด่งดังในยุคนั้น มีผู้ติดตาม 7 หมื่นคน

การจับกุมยุคนั้นใช้ ม.44 ทหารบุกค้นบุกจับได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล จับแล้วเอาตัวไปสอบสวนในค่ายทหาร 2 วัน แล้วจึงตั้งข้อหา ส่งฟ้องศาลทหาร หลังเลือกตั้งส่งศาลยุติธรรม ใช้เวลายาวนาน 6 ปี กว่าจะ “คืนความยุติธรรม”

ล้อเลียนประยุทธ์เป็นความผิดฉกรรจ์ ถูกจับขัง ได้ประกันตัวก็ต้องขึ้นศาลสู้คดี กระทบชีวิตการงาน ทั้งที่ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก

ยิ่งกว่านั้น 2 ใน 8 ยังถูกตั้งข้อหา 112 เพราะทหารยึดมือถือไปตรวจแล้วอ้างว่าส่งข้อความ “หมิ่น” คุยกัน ถูกขังอีกนานกว่าจะได้ประกัน จำเลยหญิงอัดอั้นอยู่เมืองไทยไร้อนาคตลี้ภัยไปอเมริกา จำเลยชายสู้คดีจนชนะ ศาลยกฟ้อง เพราะข้อความไม่น่าเชื่อถือ สามารถตัดต่อได้

วันเดียวกัน ศาลอาญายกฟ้องคดี “ชายชุดดำภาค 2” จากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษา 2553 สองจำเลยถูกกล่าวหาว่ายิงใส่ทหารที่ถนนข้าวสาร ศาลยกฟ้องเพราะมีพยานปากเดียวอ้างว่าจำหน้าได้ แต่ไปให้การในคดีอื่นว่าจำไม่ได้

ศาลยุติธรรมแล้ว แต่รู้ไหม จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ถูกจับตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 ยังไม่ได้ประกัน เพราะโดนฟ้องซ้ำซาก 7 คดี ทั้งที่ศาลยกฟ้องเกือบหมด เช่นคดีคาร์บอมบ์ คดีครอบครองอาวุธ ล่าสุดเมื่อเดือนก่อน อัยการก็ขุดข้อหาก่อการร้ายมาฟ้องอีกคดี

ทำไมทหาร-อัยการเชื่อว่าเขาทำผิด จิกไม่ปล่อย เพราะอ้างว่าเขารับสารภาพชั้นสอบสวน แต่ไม่ใช่การสอบสวนปกติที่ต้องมีทนายอยู่ด้วย เขาถูกจับหลังรัฐประหาร ทหารเอาตัวเข้าไปสอบสวนในค่าย เขาบอกว่าถูกซ้อมทรมาน

นี่คล้ายกับคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญา เมื่อปี 58 ทหารจับผู้ก่อเหตุ 2 คน แต่อ้างว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 12 คน กลุ่มเสวนาการเมืองก็โดนจับ หาว่าวางแผน จำเลยหลายรายร้องว่าโดนซ้อมทรมาน ปืนจ่อหัว ในค่ายทหาร ทนายความถ่ายภาพ “สรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน” เปิดเสื้อให้ดูรอยฟกช้ำเต็มตัว

คดีนี้ยังแยกข้อหาตระเตรียมก่อการร้ายอีกคดี โดยหว่านแหเอา “พยาบาลแหวน” พยานคดี 6 ศพวัดปทุม เข้ามาด้วย สุดท้ายศาลยกฟ้องหมด ยกเว้น 2 คนที่ปาระเบิด แต่ผู้หญิงอีกคนโดนตั้งข้อหาย้อนหลังฐานเคยค้นเจอระเบิดเมื่อ 7 ปีก่อน

คดีความเหล่านี้ เหมือนกันหมด เหมือนเผาเซ็นทรัลเวิลด์ คือท้ายที่สุด ประชาชนก็แซ่ซ้องศาลคืนความยุติธรรม

แต่ระหว่างทาง 7-8 ปี จำเลยถูกทำลายทั้งชีวิต อนาคต การงาน บ้างทำธุรกิจ บ้างเป็นลูกจ้าง โดนจับขังกว่าจะได้ประกัน แล้วต้องมาขึ้นศาลตามนัด

คดีความเหล่านี้แม้ท้ายที่สุด “คืนความยุติธรรม” แต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เช่นจับแอดมินเพจเรารัก พล.อ.ประยุทธ์ คุกคามสังคมไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ แค่ตลกขบขันยังติดคุก

คดีเสื้อแดง ชายชุดดำ กว่าจะคืนความยุติธรรม ก็สร้างภาพจำไปแล้วว่า “เผาบ้านเผาเมือง” หรือ “ก่อการร้าย”

หลายต่อหลายคดีเป็นทำนองนี้คือ ใช้กระบวนการอยุติธรรมยัดข้อหา กดหัว ปิดปาก ให้ร้ายป้ายสี ตีข่าว ฯลฯ จนหนำใจแล้วค่อยให้คดีถึงที่สุด

คนที่ประสบชะตากรรมทำอะไรไม่ได้ ฟ้องกลับไม่ได้ ตำรวจทหารอ้างว่าทำตามหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้ง ไม่มีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ยิ่งกว่านั้น รัฐประหารนิรโทษกรรม ตัวเองแล้ว

ความในทางการเมืองก็เป็นภาพจำของสลิ่ม “เผาบ้านเผาเมือง” ลบไม่ได้ ทั้งที่ห้างลุกไหม้ต่อหน้าต่อตาทหารเป็นหมื่น ไม่ยอมให้ดับเพลิงเข้าไป

กระบวนการอยุติธรรมที่ใช้กับคนรุ่นใหม่ ก็เช่นตั้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พอขึ้นศาลยกฟ้อง แต่รัฐบาลใช้ คฝ.ทุบม็อบไปแล้ว

ล่าสุด ศาลยกฟ้อง “สมบัติ ทองย้อย” ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “คืนความยุติธรรม” แต่ยังถูกขังเพราะโพสต์ “ขอบใจ”

ถูกทรมานจนหนำใจ ไม่ให้คนอื่นกล้าเอาเยี่ยงอย่างจนคดีถึงที่สุด ศาลคืนความยุติธรรม

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ