คอลัมน์ ใบตองแห้ง
ขวาโลกขวาไทย
โลกอยู่ในยุคประชาธิปไตยถดถอย นักการเมืองฝ่ายขวาประชานิยมผงาดขึ้นมาในยุโรป อเมริกา หรือละตินอเมริกา แม้ล่าสุดทรัมป์แพ้ ผู้นำอำนาจนิยมอย่างปูติน ครองอำนาจมั่นคง ระบอบพรรคเดียวของจีน กำลังจะเชิดชูสี จิ้นผิง เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ เผด็จการทหารพม่าเข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดร้าย ประชาคมโลกไร้น้ำยา ดอน ปรมัตถ์วินัย ยังกล้าๆ แอบไปพบมิน อ่อง ไหล่
ฟังแล้วหดหู่สำหรับขบวนประชาธิปไตยไทย? แต่การต่อสู้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายใน ไม่ใช่ภายนอก โลกไม่แทรกแซงไทยหรอก มีแต่สลิ่มคลั่ง คิดว่าอเมริกายุคทรัมป์จะยึดครองไทยเป็นฐานทัพรบกับจีน ที่ไหนได้ ฝ่ายประชาธิปไตยโคตรเกลียดทรัมป์ ทั้งละเมิดสิทธิเสรีภาพเหยียดผิวเหยียดเพศแล้วปลุก ขวาคลั่ง
ทำไมกระแสโลกเอียงขวา น่าจะเป็นเพราะ 40 ปีหลังสิ้นสุดสงครามเย็น อุดมการณ์สังคมนิยมล่มสลาย โซเวียตแตก จีนกลับมาฟื้นทุนนิยม สหรัฐเลิกสนับสนุนเผด็จการทหาร วางกติกาโลกใหม่ “การค้าเสรี” ที่มากับประชาธิปไตย ความโปร่งใส สิทธิมนุษยชน เพื่อเปิดประเทศเข้าร่วมองค์การการค้าโลก ห้ามกีดกัน
40 ปี “ทุนนิยมโลกาภิวัตน์” หรือเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ กลืนกินไปทั่ว และเกิดวิกฤตเป็นพักๆ (เช่นวิกฤตต้มยำกุ้ง) เกิดความเหลื่อมล้ำ เกิดความพังพินาศ และเกิดการต่อต้าน ในชาติด้อยพัฒนาต่างๆ โดยความฝันแบบเดิม (ยึดอำนาจรัฐสร้างสังคมอุดมคติ) ล่มสลายไปแล้ว จึงกลายเป็นการต่อต้านอย่างไร้ทิศทาง แบบก่อการร้าย หรือปลุกเผด็จการชาตินิยม ศาสนาสุดโต่ง โดยพาลปฏิเสธประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน อ้างว่าเป็นของตะวันตก
ในโลกตะวันตกเช่นอังกฤษ อเมริกา กระแสเอียงขวาผงาดขึ้นหลังวิกฤตซับไพรม์ ที่คนจำนวนมากล้มละลาย ตกงานเสียบ้าน ชาตินิยมอังกฤษ Brexit เพราะคิดว่ายุโรปเป็นภาระ ทรัมป์เล่นงานจีนเพื่อกีดกันการค้า บีบบริษัทอเมริกันกลับประเทศเพิ่มตัวเลขจ้างงาน ปลุกเกลียดชังคนต่างผิวว่าอพยพมาแย่งงานคนอเมริกัน ฯลฯ
ทางฝั่งจีนยุคสี จิ้นผิง เลี้ยวซ้าย สถาปนาตนเทียบเท่าเหมาเติ้ง ก็รวบอำนาจพร้อมประชานิยม “เป็นสังคมนิยมให้มากขึ้น เป็นทุนนิยมให้น้อยลง” ทุบหัวแจ๊กหม่า เรียกค่าปรับบริษัทยักษ์ใหญ่ เอาไปใช้กับรัฐสวัสดิการ ทุบฟองสบู่อสังหา เพื่อทำให้ราคาบ้านลดลง ปราบกวดวิชา ลดค่าใช้จ่ายการศึกษา โดยขณะเดียวกันก็คุมเกมออนไลน์ จัดระเบียบดารา รักชาติห้ามหน้าหวาน ฯลฯ วิญญาณเรดการ์ดกลับมา
สลิ่มไทยที่เคยปลุกขวาพิฆาตซ้าย แซ่ซ้องสี จิ้นผิง น้ำหูน้ำตาไหล แต่ไม่ยักย้อนดูตัวบ้างว่า เผด็จการไทยให้อะไร
ขวาโลกที่เกิดขึ้นใหม่ หรือซ้ายจีนที่หวนกลับ ล้วนเกิดจากความไม่พอใจเศรษฐกิจวิบัติ ไม่พอใจความเหลื่อมล้ำ รวยจนลิบลิ่ว ซึ่งหลังโควิดจะยิ่งถ่างห่าง ด้วยเงินอัดฉีดล้นตลาดเก็งกำไร คนประกอบอาชีพในภาคเศรษฐกิจจริงยากลำบาก คนเล่นหุ้นเล่นเหรียญในอากาศรวยปุบปับฉับพลัน
ในกระแสนี้ มีความคิดสังคมนิยมประชาธิปไตยอยู่บ้าง เช่นในยุโรป แต่ไม่ทันใจเท่าอำนาจนิยม ในอเมริกาก็มีกลุ่มเบอร์นีย์ แซนเดอร์ส ที่หนุนไบเดนผลักดันเงินกู้ 3.5 ล้านล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแก้ความยากจน
คำถามคือ แล้วขวาไทยเรียกร้องอะไร ไม่ยักใช่ความไม่พอใจเศรษฐกิจหรือลดเหลื่อมล้ำ แม้พันธมิตรปี 49 ต่อต้าน “ทุนสามานย์” แต่ 15 ปีผ่านไป หลังทำลายทุนทักษิณ ทุนผูกขาดไทยไม่กี่ตระกูลก็รวยได้รวยเอา
เผด็จการไทย Elite ไทย ขวาไทย ไม่ได้อยู่ในกระแสฝ่ายขวาประชานิยมเหมือนชาวโลก ไม่ใช่พวกรีพับลิกันที่เลือกทรัมป์เพราะทำให้เกิดการจ้างงาน แต่เป็นขวาล้าหลังที่อ้างชาตินิยม ความเป็นไทย ปกป้องอำนาจ ปกป้องรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ปากท้องย่ำแย่
ฝ่ายขวาฝรั่ง ขวาแค่ไหน ถ้ารู้ว่ารัฐธรรมนูญไทยตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเอง ถ้าเห็นเนื้อหามาตรา 112 ก็ร้อง My God ทั้งนั้น แม้อยู่ในโลกยุคตัวใครตัวมัน เอาการค้าการลงทุนและผลกำไรเป็นสำคัญ แต่ฟังการประชุม UPR ที่ประเทศต่างๆ รุมซักเรื่อง 112 เรื่องสิทธิเสรีภาพ มันก็ไม่น่าลงทุนเหมือนในอดีต ที่ไทยเป็นประเทศมีเสรีภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้
ฝ่ายขวาไทย เป็นพวกที่ยอมให้ทุกอย่างในประเทศพังพินาศล่มจม เพียงเพื่อชูมือเทิดทูนสิ่งที่ตนหวงแหน พร้อมกับอุ้มสมระบอบรัฐประหารสืบทอดอำนาจ โดยเชื่อว่าไม่มีระบอบใดอีกแล้ว ที่จะเป็นเสาค้ำความเคารพศรัทธา ไม่ยอมรับ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ในรูปแบบอื่น
กระทั่งอุดมการณ์ “ต้านทุนสามานย์” “ไล่นักการเมืองยี้” ที่เคยป่าวร้องในม็อบพันธมิตร กปปส. ก็ถ่มถุยทิ้งหมด ทุนผูกขาด ทุนสัมปทาน นักการเมือง ใครยืนข้างระบอบประยุทธ์ ชั่วเลวแค่ไหนก็ช่าง
ประยุทธ์เป็นพระเอกเสมอ แม้ไปยืนเงอะงะในเวที COP26 แม้ไปยืนเคว้งคว้างริมทะเล แม้แสดงสติปัญญาให้ทหารปลูกผักชี ให้เอารถทหารมาขนสินค้าแทนสิบล้อ
ขอเพียงประยุทธ์ปลุกความกล้าหาญให้ยืนในโรงหนัง ก็ตื้นตันน้ำตาไหลกันพรั่งพรู ทั้งที่ดูอีกด้าน ไม่พูดเสียยังฉลาดกว่า