ใกล้ 70 ยังปิ๊ง ตุ๊ก ดวงตา เผยเคล็ดลับ สวยกระชากวัย

ถ้าไม่บอกว่าอายุใกล้จะ 70 ปีแล้ว หลายคนคงเดาอายุของนักแสดงอาวุโสอย่าง ตุ๊ก ดวงตา ตุงคะมณี ไม่ถูกแน่ๆ เพราะทั้งหุ่น ผิวพรรณ หน้าตา ที่ยังดูเด็กกว่าวัยมาก

ล่าสุดได้เจอแม่ตุ๊ก ในงานบวงสรวงละครเรื่อง หงส์ในกรงกา ที่ช่อง 7 ผู้สื่อข่าว ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ได้เข้าไปขอเคล็ดลับการดูแลตัวเองมาฝากแฟนๆ กัน

เป็นคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาตลอด? “ก็ต้องดูแล เพราะอยากมีแรงทำงานก็ต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรง เป็นคนชอบทำงาน แม่ก็จะดูแลเรื่องอาหารการกิน แล้วก็นอนหลับพักผ่อนให้มากๆ แม่เป็นคนไม่ออกกำลังกายนะ ขี้เกียจ เพราะฉะนั้นการที่เราทำตัวแอ๊กทีฟมันก็เหมือนเราได้ออกกำลังไปในตัว แต่เราจะดูแลเรื่องอาหารการกิน เรื่องการนอนหลับพักผ่อน และกินอาหารเสริม นี่ก็กินมาตั้งแต่สาวๆ ขอบอกว่าจำเป็นนะ มันจะมาเห็นผลตอนคุณอายุเยอะนี่แหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารเสริมเกี่ยวกับเข่า เกี่ยวกับข้อ ทุกวันนี้แม่ยังไม่มีปัญหาเรื่องเข่า แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันไปหมดแล้ว เพราะเรากินอาหารเสริมมาตั้งแต่อายุ 40 ต้นๆ กินหลายชนิดมาก บำรุงสมองเอย บำรุงข้อเข่าเอย พวกเสริมสร้างภูมิต้านทาน บำรุงสายตา ทุกวันนี้ไปตรวจตาหมอบอกว่ายังไม่เห็นต้อกระจกพี่ตุ๊กเลย คือสายตายาวตามวัย เราก็ถามหมอว่าขี้เกียจใส่แว่นแล้ว เปลี่ยนเลนส์เลยได้มั้ย หมอบอกจะเปลี่ยนได้ยังไง พี่ตุ๊กยังไม่มีต้อเลย”

การดูแลรูปร่าง ทำยังไงให้ยังเหมือนเดิมตลอดเลย? “ดูแลเรื่องอาหารการกินค่ะ แล้วก็นอนหลับพักผ่อนให้พอ ผิวมันก็จะดีเอง รวมกับอาหารเสริมที่เรากินเข้าไป มันก็จะเข้าไปช่วยกัน เรื่องอาหารสมมติวันนี้เรากินอะไรที่มันหวานจัด มันจัด เค็มจัด อีก 6-7 วัน เราก็ต้องไม่กินแบบนี้ คือไม่อดอะไรเลย วันนี้กิน อีก 7 วันไม่กินแบบนี้ คือดูเรื่องปริมาณสัดส่วน มันช่วยได้”

ส่วนตัวซีเรียสเรื่องน้ำหนักไหม? “ซีเรียสนะ เพราะว่าไม่อยากอ้วน ตอนนี้หนัก 53 อยู่ กำลังอยากจะลดให้เหลือ 50 แต่ทุกคนบอกว่าตอนนี้ดีแล้ว กลัวผอมเกินไป เลยบอกว่าเดี๋ยวจะลองดู ถ้ามันลดได้ก็ลด ลดไม่ได้ก็อยู่เท่านี้”

เรื่องการแต่งตัวก็เฟี้ยว วัยรุ่นมาก? “เป็นคนไม่แต่งตัวตามอายุ ตามวัย (ยิ้ม) เพราะวัยเรามันเยอะแล้วนะ ถ้าเผื่อเราแต่งตัวตามวัย เราเป็นคนแก่เลยนะ เพราะใกล้จะ 70 แล้วไง ปีนี้อายุ 69 แต่คนจีนเขาไม่ให้พูดเลข 9 เขาบอกมันไม่ดี ถ้าเราแต่งตัวตามวัย เราก็ควรจะแต่งตัวอีกแบบนึงถูกมั้ย แต่ในเมื่อรูปร่างเรายังแต่งได้ก็แต่งไปเถอะ ไม่ต้องสนใจ ใครจะว่ายังไง ตัวเราอยากแต่งก็แต่ง เราก็ไม่ได้แฟชั่นจ๋าเกินเหตุหรือว่าน่าเกลียด”

การที่เราเล่นละครมาตลอด และส่วนใหญ่เป็นดราม่า มีผลกับร่างกายไหม? “ไม่มีผล เพราะเป็นคนที่ตัดได้ พอสั่งคัตปุ๊บเราก็ตัดเลย เราเลิกจำอันนั้นไปแล้ว แล้วก็ไปจำอันใหม่ที่จะเข้าฉากต่อไป คือต้องตัดให้ได้ เราจะไม่เอาอะไรกลับบ้านเลย พอกลับบ้านไปเราต้องไปเตรียมตัวเพื่อพรุ่งนี้อีก เทคนิคที่ดีคือจะต้องตัดให้ได้ สมมติเมื่อกี้เราร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่ พอเขาสั่งคัตกลับมาเราก็ทะลึ่งตึงตังได้เหมือนเดิม เราก็ลืมเมื่อกี้แล้ว”

มีเทคนิคอะไรไหมจะตัดอารมณ์ตรงนั้น? “อันนี้ได้เทคนิคมาจากหลวงพ่อด้วยนะ หลวงพ่อเคยบอกว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปอินขนาดนั้น สมมติหนูเข้าไปเล่นในฉากที่กำลังโกรธใครอยู่มากๆ แล้วร้องไห้ เศร้าโศก เกิดนาทีนั้นหนูเส้นเลือดแตก แล้วตายล่ะ หนูลงข้างล่างเลยนะ ไปนรกอบายภูมิเลยนะ เพราะหนูร้องไห้เศร้าโศกอยู่ หนูกำลังโกรธอยู่ ก็จะลงนรกเลย เพราะฉะนั้นเราทำหน้าที่ของเราก็ทำหน้าที่ให้ดี พอเขาสั่งคัตปุ๊บ แสดงว่าเราหมดหน้าที่ตรงนั้นแล้ว เราต้องกลับมาเป็นตัวเรา”

เราตัดเองได้ตั้งแต่แรกเลยไหม? “ไม่ๆ เพิ่งมาเป็นตอนไปวัด ไปได้เทคนิคจากหลวงพ่อ หลวงพ่อกล้วยเป็นคนสอน หลวงพ่อสอนว่าอย่าเอาจิตตัวเองเข้าไปอินขนาดนั้น ก็ 10 กว่าปีแล้วนะ แล้วหลังๆ เราเล่นละครดีขึ้นด้วย และบทที่เราได้ก็ดีกว่าเมื่อก่อน คือเมื่อก่อนอาจจะไม่หลุด แต่ก็ไม่เคยเอาอะไรกลับบ้านนะ เพราะเราจะต้องไปเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเราเอาอะไรกลับบ้าน เราคงแย่เหมือนกัน เพียงแต่หลุดจากฉากไปแล้วอาจจะยังมีเศร้าอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว พอสั่งคัตปุ๊บตัดได้หมดเลย”

คิดไหมว่าอยากทำงานในวงการไปถึงเมื่อไหร่? “ไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีแรง ดูมี้ (พิศมัย วิลัยศักดิ์) สิ อยากให้เป็นได้อย่างมี้ แต่ที่ไม่อยากเป็นอย่างมี้เลยก็คือผ่าหลายๆ อย่าง มี้ผ่าตัดเยอะมาก ขอไม่เป็นอย่างมี้ตรงนี้ แต่ขอให้เป็นคนแอ๊กทีฟ เป็นคนทำงานมีประสิทธิภาพ มี้ 80 กว่าแล้วนะ มี้ยังทำงานอยู่เลย บทก็ยังโอเคอยู่เลย แม่เองก็อยู่ในวงการมา 40 กว่าปีแล้ว ก็อยู่ไปเรื่อยๆ (ยิ้ม)”