"โอเลี้ยง เชิญยิ้ม" รับหนี้ท่วม อยู่ได้เพราะถุงยังชีพ-เคยคิดขายอวัยวะแลกเงิน

Home » "โอเลี้ยง เชิญยิ้ม" รับหนี้ท่วม อยู่ได้เพราะถุงยังชีพ-เคยคิดขายอวัยวะแลกเงิน
"โอเลี้ยง เชิญยิ้ม" รับหนี้ท่วม อยู่ได้เพราะถุงยังชีพ-เคยคิดขายอวัยวะแลกเงิน

ยืดอกรับแมนๆ ไปเลยว่าเป็นตลกตกอับ สำหรับ โอเลี้ยง เชิญยิ้ม เผยหนี้ท่วมหัว ขายสมบัติจนเกลี้ยง เคยคิดขายอวัยวะแลกเงิน ลั่นชีวิตตอนนี้ที่อยู่ได้ เพราะอาศัยถุงยังชีพ พร้อมเคลียร์ประเด็นเกี่ยงงาน เพราะโรคหอบหืดขั้นรุนแรง จนถูกหามส่งโรงพยาบาลหลายครั้ง พ้อชีวิตตอนนี้รอเห็นความสำเร็จของลูกสาวจบปริญญา จากนั้นขอบวชตลอดชีวิต โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน 31 ที่มี หนิง ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

มีโอกาสอ่านข่าวพี่โอเลี้ยง เชิญยิ้ม ปล่อยโฮชีวิตสุดลำบาก หนี้ท่วมหัวไม่เหลือแม้แต่เงินในบัญชีบาทเดียว ยอมควักดวงตาขายข้างละ 8 ล้าน มันเกิดอะไรขึ้น?

โอเลี้ยง : “ก็มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว คือไม่มีอะไรที่จะขายแล้ว งานการก็ไม่มี เงินก็ไม่มี หมดหนทางแล้ว 2 ปีเต็มๆ ที่เจอสถานการณ์นี้ เราใช้ไปหมดแล้วของเก่า ขายไปหมดแล้ว รถ บ้าน” 

พี่คิดจริงๆ หรือคิดเล่นๆ?

โอเลี้ยง : “ทีแรกคิดอยู่นะ เพราะว่าเคยได้ยินข่าวว่าขายไตข้างนึงขายได้ มันก็ยังเหลืออีกข้าง เราเลยไปถามคนที่รู้จัก ถ้าขายดวงตาจะขายได้ไหม เขาบอกขายได้ งั้นก็ขายไปข้างนึง เรายังเหลืออีกข้าง เราก็ยังเหลืออีกข้าง ข้างนึงเขาจะซื้อหรือเปล่าประมาณนี้ ถ้าเกิดขายได้ก็จะขาย” 

ที่เป็นข่าว พี่ไปพูดที่ไหน?

โอเลี้ยง : “ผมพูดในไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กของพี่ แล้วก็พูดคุยว่าถ้าดวงตามันขายได้ ผมจะขาย ใครจะซื้อประมาณนี้ ขาย 8 ล้าน ข้างเดียว” 

เห็นว่าชีวิตตอนนี้มันหนักเหลือเกิน?

โอเลี้ยง : “ใช่ๆ หลายๆ อย่างเลย ทั้งยืมเขามาใช้ ค่าบ้าน ค่าไฟ ค่าเทอมลูกที่จะมาถึงด้วย” 

พี่เป็นหัวหน้าครอบครัวแค่คนเดียว?

โอเลี้ยง : “รับผิดชอบคนเดียวทั้งหมดเลย” 

พี่ยังอยู่กับภรรยาไหม?

โอเลี้ยง : “เลิกไปประมาณ 5 ปีแล้ว แต่ว่าเขายังมาอยู่ด้วย แต่ก่อนเคยหนีจากเรานะ ตอนหลังไปไม่รอด แล้วมาอาศัยอยู่กับเรานะ เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องกัน เพื่อลูก”

ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาเก่าที่เป็นเพื่อนกัน อยู่ด้วยกัน 1 คน แล้วยังมีใครอีก?

โอเลี้ยง : “มีลูกสาวอีกหนึ่งคน คุณพ่อ คุณแม่ อยู่ต่างจังหวัด น้องสาวเขาดูแลอยู่”

พอมันเกิดปัญหาแบบนี้ 2 ปีไม่มีงาน พี่เอาเงินมาจากไหน?

โอเลี้ยง : “เงินที่พอมีอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ แล้วไปยืมเขามาบ้าง ยืมเขามาใช้ ยืมเขามากิน บางทีก็ไปขอเจ้านายบ้าง ลูกพี่บ้าง แต่ขอบ่อยก็ไม่ไหว อายเขา”

เห็นบอกว่าตอนไปเอ่ยปากหยิบยืมเพื่อน ก็เจอดูถูกกลับมาด้วย?

โอเลี้ยง : “ดูถูกกลับมา เล่นตลกมาไม่รู้จักเก็บ เห็นมีงานเยอะแยะ มีงานเยอะแล้วไง ค่าตัวแต่ละครั้งเราไม่ได้เรทสูง เราเรทกลางๆ ถูกๆ ไม่ได้มากมาย ได้มา ใช้ไป เขาบอกว่าเชิญยิ้มทุกคน รวยทุกคนส่วนมาก ทำไมมึงแย่กว่าเพื่อนว่ะ ประมาณนั้นอะ”

เขาพูดแบบนี้แล้ว เขาให้ยืมไหม?

โอเลี้ยง : “ก็บอกว่าไม่เป็นไร ช่วย เสร็จแล้ว แต่ยืมไปๆ มาๆ ก็ไม่เอาหรอก เอาไปใช้”

ตอนนื้ที่เป็นตลกอยู่แล้วมีงาน ตอนนั้นรายได้พี่ ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ เราอยู่ประมาณไหน?

โอเลี้ยง : “ก็ประมาณกลางๆ เพราะส่วนมากตลกเขาจะรับเป็นคณะ มันไม่ใช่คนเดียว คณะนึงบางทีไปงานก็ 4-5 หมื่น ถ้าใกล้ๆ ก็ 3 หมื่น ก็เฉลี่ยกันหลายๆ คน ไม่ได้รับคนเดียว งานคนเดียวก็มีบ้าง แต่ก็ไม่มาก แต่ส่วนมากจะรับเป็นคณะมากกว่า”

เมื่อก่อนงานอู้ฟู่มาก เงินที่ได้จากตรงนั้นไปอยู่ไหนหมด?

โอเลี้ยง : “ได้มาใช้ไป ค่าใช้จ่าย ค่ารถ ต้องผ่อนบ้านอยู่ ค่าเรียนลูก เราก็ดูแลคนเดียว ค่าใช้จิปาถะทุกอย่าง มันก็เลยได้มาใช้ไป” 

การได้มาใช้ไป มันก็จะพอดีกับรายได้ รายจ่าย ณ ตอนนี้เห็นว่ามีหนี้เยอะมาก หนี้เกิดจากอะไร?

โอเลี้ยง : “ยืมมาใช้นี่แหละ เพราะว่าตอนหลังเงินไม่มีเก็บ ก็ยืมมาจ่ายค่าบ้าน ค่าไฟ ค่ากินบ้าง หลังๆ ก็ไม่รู้ว่าไปยืมใคร อายเขา” 

พอไปยืมมาแล้วเราไม่มีคืน ก็ไปยืมอีกเจ้านึงมาใช้อีกเจ้านึง?

โอเลี้ยง : “ใช่ๆ หนี้ก็ทบ ส่วนมากเพื่อนยืมเพื่อน ไปขอเจ้านาย ขอลูกพี่บ้าง แต่พอขอบ่อยๆ ก็อายเขา เกรงใจ” 

ตอนนี้พี่เป็นหนี้เท่าไหร่?

โอเลี้ยง : “จริงๆ ก็มีค่าบ้าน ค่าไฟ ค่าไฟนี่เรียบร้อยไปแล้ว ค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านก็ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท มันมีค่าส่วนกลางของหมู่บ้านด้วยที่ยังไม่ได้จ่าย ติดเขามา 2 ปีแล้ว ไม่มีจะจ่าย แล้วเราก็เครียด หนี้มันไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าต่อไปเราจะเอาที่ไหนมาใช้เขา เราคิดอย่างนั้น มันไม่มีรายได้เข้ามา คือยืมมาแล้ว”

หนักถึงขั้นมีเจ้าหนี้มาทวงด้วย แต่ทวงแล้วไม่มีให้เขา?

โอเลี้ยง : “ไม่มีๆ ขอผลัดไปก่อน โทรมาทวง บอกขอเวลาหน่อย เดี๋ยวก็มีงานเข้ามา รอโควิดหายก่อนแล้วค่อยว่ากัน” 

พอเจ้าหนี้มาทวง แล้วพี่ต้องไปหยิบยืมเขา พี่รู้สึกยังไงกับชีวิตบ้างตอนนี้?

โอเลี้ยง : “ณ ตอนนั้นจุกอกเหมือนกัน มันก็ไม่รู้จะโทษใคร ก็โทษตัวเอง เราต้องยอมรับตัวเอง ยอมรับสภาพว่าเขาดูถูกก็เขาดูถูก ช่างมัน เราเป็นจริงนิ ไปโทษใครได้” 

พี่คิดว่ามันเกี่ยวกับการบริหารการเงินที่ผิดพลาดของตัวเราเองด้วยไหม ที่เราได้มาใช้ไป แล้วเราไม่มีเก็บไว้สำหรับอนาคตอาจจะลำบาก?

โอเลี้ยง : “มันมีส่วนว่าเราบริหารจัดการยังไม่เก่ง ยังไม่รู้จะจัดการระบบไหน พอได้มาก็ใช้ไป ไม่รู้จักวางแผนระยะยาว มันก็เป็นแบบนี้” 

คำว่าตกอับ พี่ได้ยินคำนี้ พี่รู้สึกยังไงบ้าง?

โอเลี้ยง : “พี่คิดว่ามันเป็นวาทะกรรมมากกว่า ตลกตกอับ ศิลปินตกอับ เราก็ยอมรับนะ ผมโอเค ผมตกอับ คนจะพูดก็พูดไป ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว หมดหนทางจริงๆ  ผมจะไปโต้แย้งอะไร ผมก็อับจริงๆ ถ้าเราอับไม่จริงเราเถียงได้ เราเถียงไม่ได้ เรายอมรับ” 

แต่พี่ขายลูกตาไม่ได้นะ มันผิดกฎหมาย?

โอเลี้ยง : “ตอนนี้ไม่คิดจะตัดแล้ว เพราะอยากเห็นอนาคตลูกมากกว่า อีกอย่างเรามาคิดว่า คนก็มาดูถูกขายตาไปแล้ว แล้วต่อไปมึงไม่ขายไตมึงเหรอ ไม่ขายตับ คนไม่ใช่หมูจะได้ขายทุกอย่าง” 

มันพูดไปด้วยความน้อยใจในโชคชะตาของชีวิตหรือเปล่า?

โอเลี้ยง : “ใช่ น้อยใจโชคชะตาชีวิตมากกว่า” 

หลายคนก็มีคำถามว่ามันมีทางอื่นที่หารายได้ได้ ทำไมพี่ไม่ไปทำแบบขายลูกชิ้น ขายหมูปิ้ง ซึ่งสร้างรายได้ได้เหมือนกัน?

โอเลี้ยง : “มีคนแนะนำว่าไปขายลูกชิ้นไหม วันนึงก็ได้ 500 กว่าบาท ก็โอเคนะพี่ ไปรับลูกชิ้นมา เราคนเดียว ต้องไปรับลูกชิ้น ตื่นแต่เช้า ไปก่อไฟ ย่าง เข็นรถไป เราไม่สะดวก ด้วยสุขภาพของตัวเองหอบ เหนื่อยง่าย จะทำอะไรคล่องแคล่วไวๆ แค่เดินขึ้นบันได 2 ขั้นก็สภาพนี้แล้ว เพราะ 3 เดือนต้องไปหาหมอที เลยทำอะไรหนักๆ ไม่ได้ เหนื่อยมากๆ เราจะไปทันอะไรกินเขาล่ะ แล้วอดีตภรรยาขายน้ำส้มอยู่หน้าหมู่บ้าน ก็ช่วยค่ากับข้าว ช่วงหลังๆ ก็ขายไม่ค่อยดี ให้เขามาช่วยเขาคงตะไม่เอา เขาจะตามใจเขา เขาชอบขายแบบนี้” 

แล้วลูกสาวมีส่วนช่วยอะไรบ้างไหม?

โอเลี้ยง : “เขาเรียนอยู่ ไม่อยากให้อะไรมากมาย เขาช่วยในช่วงปิดเทอม มีเวลาว่างแล้วไปรับจ๊อบพิเศษเพื่อหารายได้มาช่วยบ้าง แต่เราก็ไม่อยากให้ลูกหักโหมมาก เพราะเขาเรียนอยู่ เราอยากจะช่วยลูกมากกว่า”

เห็นบอกว่าต้องพกยาฉุกเฉินไว้ในตัวตลอด?

โอเลี้ยง : “พกตลอด” 

ที่บอกว่าเป็นโรคประจำตัวคือหอบหืด?

โอเลี้ยง : “พอเดิน หรือวิ่งไม่ได้ก็ต้องพ่นแล้ว แต่ถ้าไม่ฉุกเฉินจะมีเครื่องพ่น ต้องซื้อเอง 2 พันกว่าบาท ราคาถูกนะ ถ้าแพงๆ ก็ 4-5 พัน แล้วก็ต้องซื้อยามาเอง กล่องก็ 800 ต้องประมาณ 2 โดสถึงจะอยู่” 

เป็นนานหรือยังหอบหืด?

โอเลี้ยง : “เป็นมานานแล้วครับ พอไปหาหมอเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองหนัก แต่ก่อนไม่เคยไปหาหมอเราไม่รู้ ตอนหลังไปหาหมอ หมอบอกหนัก 4-5 ปีแล้ว สภาพนี้ต้องไปหาหมอทุกๆ เดือน” 

เห็นว่าถ้าพ่นยาไม่ทันต้องหามส่งโรงพยาบาล?

โอเลี้ยง : “มีครับ มีเข้า ICU ครั้งนึง แรงมาก วันนั้นมันก็เพลีย ก็บอกลูกขับรถไปที่โรงพยาบาล หมอก็เข้าห้องฉุกเฉินเลย เขาใส่อะไรเต็มไปหมด แล้วเขาฉีดยาสะดุ้ง คืนมาได้”

หมอได้บอกไหมว่าสาเหตุมาจากอะไร?

โอเลี้ยง : “เกิดจากเพราะหลอดลมมันตีบตัน แล้วอีกอย่างไม่ใช่แค่หอบหืด กระเพาะด้วย จะไปทำงานก็พบยาเป็นถุง ใครจะไปทำงานสะดวกคนเดียว ใครจะไปไหว” 

พอมีข่าวมาแบบนี้ มีพี่น้องในวงการ ติดต่อมาช่วยบ้างไหม?

โอเลี้ยง : “ก็มีอยู่หลายๆ ท่าน ท่านนายกโอบะก็โทรมาให้กำลังใจ แล้วเพื่อนๆ ตลกรุ่นน้อง รุ่นพี่ โทรมาให้กำลังใจ พี่ถั่วแระ ด้วย ก็ให้กำลังใจ สู้ๆ บางคนเขาก็แย่เหมือนกัน” 

แต่ก็มีคนนี้เข้ามาช่วย?

โอเลี้ยง : “พอรู้เรื่องพี่บิณฑ์กับพี่เอกพันธ์ก็ช่วยทันทีเลย แล้วท่าน ดร.มนัสด้วย พอพี่บิณฑ์รู้ก็โอนมาเลย คุยผ่านน้องผึ้ง เพราะเขาสนิทกัน” 

มีโอกาสติดต่อไปขอบคุณเขาไหม?

โอเลี้ยง : “ขอบคุณทั้งโพสต์ไปแล้วและฝากขอบคุณไปแล้ว ส่วนตัวก็รู้จักแต่ไม่สนิทกัน เขาก็มาช่วย ได้มาแบ่งเบาภาระเบื้องต้น ค่าไฟก็จ่ายหมดเลย 5 เดือน” 

ตอนที่พี่รู้ว่าพี่โอเลี้ยงลำบาก พี่ก็โอนเงินให้เลย 10,000 บาท?

บิณฑ์ :  “จริงๆ พี่เป็นคนอย่างนี้ ไม่ใช่แค่พี่น้องในวงการ ใครก็แล้วแต่ ถ้าพี่รู้เรื่องว่าเขาลำบากพี่ก็อดไม่ได้ที่จะช่วย แต่นี่เป็นพี่โอเลี้ยง เคยร่วมงานแล้วพี่โอเลี้ยงเขาเป็นคนดี งั้นก็เอาเบื้องต้นนิดนึง ถ้ามันถึงวิกฤตจริงๆ เขาจะเข้าไปแล้วไปพูดคุย แล้วก็ลงหน้าแฟนเพจด้วย ก็ขอความกรุณาจากพวกวงการบันเทิง ให้เขาได้ตั้งตัว ให้เขายิ้ม ให้เขามีความสุข เราก็สบายใจ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจช่วย ไม่ใช่ว่าดีหรือไม่ดี พอรู้ปุ๊บเราก็ช่วยทันที”

ได้ฟังแบบนี้พี่รู้สึกยังไงบ้าง?

โอเลี้ยง : “ดีใจมาก ขอบคุณพี่มากนะครับ”

บิณฑ์ : “สู้ๆ นะพี่โอเลี้ยง อย่างน้อยคนในวงการบันเทิง จะอยู่ดี มีสุข หรือทุกข์ ให้บอกผมมา อย่างน้อยเบื้องต้นผมช่วยได้อยู่แล้ว เพราะว่าเราไม่ทิ้งกัน ถ้าคนวงการทิ้งกันก็ไม่รู้ว่าใครจะมาช่วยเรา เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันเอง ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรบอกผมได้เลย พี่ช่วยตลอด”

โอเลี้ยง : “ขอบคุณพี่ท็อปมากๆ พี่เอกพันธ์ ด้วย ที่ช่วยเหลือในเบื้องต้น เหมือนปลดความทุกข์ออกไปจากตัวน้อง”

พี่ไลฟ์สดขอรับบริจาค?

โอเลี้ยง : “คือมันไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาพูดมาคุย ไปๆ มาๆ ก็มีเพื่อนๆ แนะนำมา ลองไปไลฟ์สดร้องเพลง ขอพวงมาลัยออนไลน์ คนอื่นก็มีเยอะแยะ เราก็เอาว่ะ วันแรกก็เงียบ ไม่มีเลยสักพวงเดียว วันที่ 2 มีมาพันนึง พอวันที่ 3 ไม่มีสักบาท วันที่ 4 ก็ไม่มีสักบาท ก็ไม่ทำต่อ รู้สึกละอายใจ”

เหรียญมันมีสองด้าน แต่ก็มีคนบางกลุ่มคิดว่ามีคนที่ลำบากกว่าพี่ พี่คิดยังไง?

โอเลี้ยง : “มองอยู่เหมือนกัน รู้สึกละอายใจ ยอมรับว่าตัวเอง มือ เท้า มี แต่ด้วยสุขภาพ และอายุ เราเข้าใจสถานการณ์ว่าคนลำบากกว่าเราเยอะ เราก็ไม่ใช่จะมาขอบริจาค แต่ว่าหากผู้ใหญ่เมตตา แบ่งเบาภาระ ก็โอเค  แต่จริงๆ พี่อยากจะมาพูดขอเรื่องงานมากกว่า ไม่ได้เน้นเรื่องบริจาคของ ตอนนี้ก็มีงานเข้ามาแล้ว”

ชีวิตทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยถุงยังชีพ?

โอเลี้ยง : “ถุงยังชีพจริงๆ ข้าว น้ำปลา น้ำมันพืช อยู่ในนั้นครบ ซึ่งได้มาจากสมาคมตลก วัดพระบาทน้ำพุก็มาช่วยบ้าง แล้วมูลนิธิต่างๆ ก็มาช่วยผ่านสมาคมตลก มันก็มีอยู่เรื่อยๆ ก็จะมีปลากระป๋องหมดก็ไม่มีอะไรกินแล้ว ถึงนึงข้าวอยู่ได้นาน แต่อาหารมันมีน้อย ปลากระป๋องมีอยู่ 4-5 กระป๋อง ก็ไม่มีอะไรกินแล้ว เงินจะซื้อไข่ก็ไม่มี”

ตอนนี้เงินในบัญชีพี่มีเท่าไหร่ 

โอเลี้ยง : “ตอนนี้เหลืออยู่ 8,000 ครับ เพราะว่าที่ได้มาก็ไปจ่ายเขา ค่าไฟ ค่าบ้าน ใช้หนี้ ใช้สิน เขาบ้าง ตอนนี้เหลือ 8,000  เพราะว่าเราไม่ได้รับบริจาค มีเพื่อนๆ ก็โอนมาให้บ้าง”

ตอนนี้บ้านผ่อนหมดยัง?

โอเลี้ยง : “พูดถึงบ้าน หลุดจำนอง ขายฝาก เป็นของเขาไปแล้ว” 

แล้วพี่อาศัยอยู่ที่ไหน?

โอเลี้ยง : “อาศัยเช่าบ้านตัวเองอยู่  ช้ำใจไหมละ ทั้งๆ  ที่จะเป็นของตัวเองอยู่แล้ว”

พี่เคยคิดไหมว่าวันนึงชีวิตจะมาถึงจุดนี้?

โอเลี้ยง : “ไม่เคยคิดเลย บ้านหลังนี้คิดว่าให้เป็นทรัพย์สมบัติของลูก เราก็มาจากบ้านนอกไม่มีอะไรติดเนื้อ ติดตัวมา มาจากบ้านก็มีลังกระดาษใส่เสื้อผ้า สร้างฐานะตัวเองได้ก็โอเค ตอนนั้นภูมิใจ ผ่อนบ้านจะหมดอยู่แล้ว มันมาเกิดปัญหาลูกจะเข้ามหาวิทยาลัย สรุปงานการไม่มี ต้องไปขายฟาก พอขายฟาก 7 แสน  ติดธนาคารอยู่ 3.8 แสน ใน 7 แสนต้องไปใช้ธนาคารให้หมดก่อน แล้วจะไปโอนเป็นของเขาได้ แล้วมาเสียดอกเบี้ย เหลืออยู่แสนกว่าบาท คือขายฝาก ถ้า 6 เดือนคุณไม่ไปเอา ก็เป็นของเขาไปเลย”

แล้วทุกวันนี้พี่เช่าอยู่ราคาเท่าไหร่?

โอเลี้ยง : “พอดีมีผู้ใหญ่ใจดีไถ่มาให้ พี่ก็เลยได้เช่าต่อ 4,500  แล้วก็ค่าส่วนกลางอีก 400 ก็เท่ากับ 5,000 ต่อเดือน รถทุกวันนี้ไม่มีแล้ว”

เคยมีช่วงท้อๆ จนอยากจบชีวิตตัวเองไหม?

โอเลี้ยง : “เคยครับ ชีวิตเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง มันไปหาที่ไหนไม่ได้ มืด 8 ด้านไปหมดเลย คนอื่นยังมีคนหยิบยื่นมาช่วยเหลือ เราไม่มีใครแล้ว แล้วลูกเรากำลังเรียนอยู่ ซึ่งเรารับผิดชอบ ทำไมเราทำเพื่อเขาไม่ได้ บางทีอยากไปๆ ให้มันจบ บางทีมันคิดไปไม่ได้ มันคิดถึงอนาคตเขา อยากเห็นอยาคตลูก อยู่ให้ลูกเรียนให้จบก่อน มันท้อใจนะ ต้องมาเช่าบ้านตัวเองอยู่ มันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง”

ลูกว่ายังไงบ้าง?

โอเลี้ยง : “ลูกก็ให้กำลังใจ สู้ๆ เขาเข้าใจพ่อ”

พี่โดนอะไรบ้างจากกระแสที่ออกมา?

โอเลี้ยง : “ลูกคนเดียวเลี้ยงไม่ได้ บางคน 4 คนเขายังเลี้ยงได้เลย คือต้นทุนไม่เหมือนกัน”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา 13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ