โอมิครอน: วันที่ 31 ธ.ค. บีบีซี รายงานว่า อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าการระบาดระลอกที่สามในอินเดียที่มีเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนเป็นหลักจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม
หลังอินเดียมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 16,764 คน และเสียชีวิตอีก 220 ราย ใน 24 ชั่วโมง เป็นตัวเลขสูงสุดทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดตั้งแต่เดือนต.ค. และการก้าวกระโดดของตัวเลขครั้งนี้ดูจะเป็นเรื่องหนักที่สุดในมหานครที่มีประชากรหนาแน่น เช่น กรุงนิวเดลี นครมุมไบ และนครโกลกาตา
นครมุมไบรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 3,671 คน คิดเป็น 46% จากผู้ติดเชื้อรายวันก่อนหน้า ส่วนกรุงนิวเดลีมีเพิ่ม 1,313 คน คิดเป็น 42% และโกลกาตาเพิ่ม 1,090 คน คิดเป็น 102% ในรอบเพียง 48 ชั่วโมง
อินเดียประสบกับการระบาดระลอกที่รุนแรงในเดือนเม.ย.-พ.ค. โดยที่จุดสูงสุดของวิกฤต มีผู้ป่วยเฉลี่ยประมาณ 400,000 คนต่อวัน จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมากตั้งแต่นั้นมา – เป็นเวลาหลายเดือน ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศยังอยู่ต่ำกว่า 10,000 คนต่อวัน
แต่เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าโอมิครอนที่ระบาดได้ง่ายกำลังเริ่มสร้างก่อการระบาดระลอกที่สามในอินเดีย ขณะนี้อินเดียมียอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนสะสมเพิ่มเป็น 1,270 คน (ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 309 คน) โดยรัฐมหาราษฏระ ที่ตั้งของนครมุมไบ ครองจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ 450 คน รองลงมาคือกรุงนิวเดลี 320 คน
โอมิครอน ซึ่งพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อเดือนพ.ย. นับตั้งแต่นั้นมาแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้การฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ลดลง หลายประเทศ รวมถึงอินเดีย กำหนดข้อจำกัดการเดินทางหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้โอมิครอนเป็นสายพันธุ์น่ากังวล
การศึกษาเบื้องต้น ที่ตีพิมพ์ในสหราชอาณาจักรและแอฟริกาใต้แนะนำว่า มีคนจำนวนน้อยลงที่ติดโอมิครอน ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อเทียบกับโควิดชนิดกลายพันธุ์อื่นๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากลักษณะการติดเชื้อของชนิดกลายพันธุ์ดังกล่าวอาจทำให้การติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่มภาระต่อระบบการรักษาพยาบาลที่ตึงเครียดอยู่แล้ว
“ในอินเดีย เราอาจไม่เห็นผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) เพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการระบาดระลอกที่สอง แต่อาจมีผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น แม้จะเป็นเพียงการเฝ้าติดตาม” ดร.เอ ฟัตฮาฮูดีน หัวหน้าแผนกการดูแลปอดและวิกฤต ที่วิทยาลัยการแพทย์เออร์นากุลัม ทางตอนใต้ของอินเดีย กล่าว
ดร.ฟัตฮาฮูดีนชี้ถึงปัจจัยที่น่ากังวล 3 ประการ ได้แก่ 1.จำนวนชาวอินเดียที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน 2.โรคเรื้อรังในระดับสูง และ 3.สัดส่วนของประชากรสูงอายุในประชากร
อินเดียมีการวัคซีนบางส่วนเกือบ 90% ของประชากรที่มีสิทธิ์จนถึงตอนนี้ แต่ว่ายังผู้ใหญ่เกือบ 100 ล้านคน ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว
ชาวอินเดียหลายล้านคนมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ซึ่งเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยรุนแรงมากขึ้นหากติดเชื้อโควิด
ในช่วงการระบาดระลอกที่สอง ผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อระบบการรักษาพยาบาลของประเทศ โรงพยาบาลไม่มีเตียง ยารักษาโรคที่สำคัญ และออกซิเจนทางการแพทย์ – ญาติของผู้ป่วยจำต้องหันไปหาตลาดมืดหรือขอความช่วยเหลือทางโซเชียลมีเดีย
ดร.จันทรากานต์ ลาหริยะ ผู้เชี่ยวชาญนโยบายสาธารณะและระบบสุขภาพ กล่าวว่า อินเดียไม่น่าจะเห็นความเสียหายในระดับนั้นในการระบาดครั้งนี้
“มีความเป็นไปได้จำกัดที่เราจะเห็นรูปแบบการแพร่เชื้อแบบเดียวกัน แต่จำเป็นที่คนจะต้องปฏิบัติตามพฤติกรรมที่เหมาะสมกับโควิด เพื่อไม่ให้ระบบการรักษาพยาบาลยืดเยื้อ” ดร.ลาหริยะกล่าวกับบีบีซี