เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 10.20 น. พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ วังแสง พงส.สภ.ภูเพียง จ.น่าน ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ว่ามีชาวบ้นพบศพผู้เสียชีวิตที่ บ้านสวนไม่มีเลขที่ ม.11 ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน จึงรายงานให้พล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผบก.ก.จ.น่าน ,พ.ต.อ.ชาญยุทธ ไชยมะโน ผกก.ส.ภ.ภูเพียงฯ , พ.ต.ท.วาณัฐพงษ์ สันติพงศธร รอง ผกก.สส.ส.ภ.ภูเพียงฯ , พ.ต.ต.ดนุทัช กิติยศ สว.สส.ส.ภ.ภูเพียง, ร.ต.อ.บุญส่ง สุยาว รอง สว.สส.สภ.ภูเพียง , ร.ต.อ.อภิวิชญ์ ใจจันทร์ ร.ต.อ.พัฒนา ดีปานา , ร.ต.อ.สมบัติ จินจ๊ะนา , ร.ต.ต.เพชรสุพร สีทา ร.ต.ต.สอ พินยา,จนท.ตร.ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม จนท.ตร.พฐ.น่านกับทีมแพทย์ รพ.น่าน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดน่าน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลน่าน กู้ชีพกู้ภัย อบต.เมืองจัง มูลนิธิเพชรเกษมน่านเขตเมือง
ที่เกิดเหตุจุดที่พบศพเป็นลานข้างห้องครัวกระท่อมที่พักอาศัยของผู้ตาย ทราบชื่อในเวลาต่อมาชื่อ นายเกรียงศักดิ์ สงคราม อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ที่ 10 ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน แต่มารับจ้างเลี้ยงวัว ที่สวนที่เกิดเหตุและมี สภาพศพนอนหงายไม่สวมเสื้อหน้าและลำตัวอาบไปด้วยเลือด โดยเฉพาะที่ใบหน้า จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบบาดแผลถูกทุบด้วยของเข็งไม่คมจนหน้าตาแตกยับแทบจำเคล้าโครงหน้าไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ร่วมกันชันสูตรพลิกศพที่เกิดเหตุ และ ทางมูลนิธิเพชรเกษมน่านเขตเมืองได้รับมอบหมายให้นำร่างผู้เสียชีวิตไปทำการชันสูตรอย่างละเอียดที่ที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลน่านรพ.น่านอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ พบว่ามีร่องรอยหยดเลือดและร่องรายการลากร่างของผู้เสียชีวิต เป็นทางยาวจากบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งที่นายเกรียงศักดิ์ ผู้ตายมารับจ้างเลี้ยงวัว ระยะทางประมาณ 150 เมตร จึงเข้าไปตรวจสอบบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว พบว่าเป็นโต๊ะที่เอาไว้นั่งเล่นนั่งดื่มกินกัน ใกล้กันพบคราบเลือดจำนวนมากส่งกลิ่นคาว บางส่วนถูกน้ำล้าง คาดว่าเพื่อทำรายหลักฐาน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ให้การว่า วานนี้ เวลาประมาณ 20.00 น. ผู้ตายกับผู้ต้องสงสัยและคู่สามีภรรยาเจ้าของบ้านและเป็นนายจ้างของผู้ตาย ได้ตั้งวงดื่มเหล้ากันบริเวณหน้าบ้านตรงโต๊ะที่ตั้งหน้าบ้าน โดยคู่สามีภรรยาอ้างว่าพวกตนได้เข้าไปนอนก่อนและไม่ได้ยินเสียงอะไร ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอตื่นเช้ามาออกบ้านมาเหม็นกลิ่นคาวเลือดจึงฉีดน้ำล้างเลือด และได้ออกมาเตรียมตัวเพื่อแยงไข่มดแดง ขณะเดินเข้าไปเพื่อเข้าป่าต้องผ่านข้างที่พักนายเกรียงศักดิ์ พบนายเกรียงศักดิ์นอนแน่นิ่งอยู่เมื่อเข้าไปดูพบว่านายเกรียงศักดิ์ เสียชีวิตแล้วจึงโทรแจ้ง 191 เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ
โดยทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การยังแยกสอบสามีภรรยาอยู่ตั้งเวลาเวลา 15.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามไปเพื่อจะนำตัวผู้ต้องสงสัยอีกรายคือ นานพิทักษ์ ทองอินต๊ะ หรือบี อายุ 39 ปี ผู้ต้องสงสัยอีกรายที่ได้ร่วมดื่มกินตั้งวงไปสอบปากคำ ที่บริเวณสวนแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน แต่เมื่อเดินทางไปถึงไม่พบตัวนายบี คาดว่าได้หลบหนีไปแล้ว
ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. จนท.ตร.ชุดสืบสวน สภ.ภูเพียง จำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันตรวจยึด 1.อาวุธปืนลูกซองยาวไทยประดิษฐ์ ขนาด เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก 2.เครื่องกระสุนปืนขนาด เบอร์ 12 จำนวน 5 นัด พร้อมเครื่องกระสุนปืน ลูกซอง อยู่ในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึด
จากการตรวจที่เกิดเหตุและรวบรวมพยานหลักฐาน ทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้นั่งดื่มสุรากับพวกรวม จำนวน 4 คน เบื้องต้นคาดว่า ทั้ง 4 คน รวมผู้ตายได้ตั้งวงดื่มเหล้าบริเวณหน้าบ้าน โดยตัวผู้ตายทางญาติก็ยอมรับว่า เวลาเมาจะพูดจาเสียงดัง แต่ไม่เคยมีประวัติทำร้ายใคร ส่วนผู้ต้องสงสัยคือนายบี มีประวัติเคยฆ่าคนตายมาก่อนเมื่อประมาณปี 2563 และพึ่งพ้นโทษมาเมื่อปี 2560 หลายคนยืนยันว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบไปหาเรื่องทะเลาะต่อยตีคนอื่นไปทั่ว คาดว่าได้ดื่มกินกันจนเมาแล้วเกิดทะเลาะวิวาทต่อยตีกัน และคิดว่าผู้ตายยังไม่เสียชีวิต จึงลากร่างผู้ตายไปไว้ริมกระท่อม เบื้องต้นยังไม่ทราบว่า นายบีก่อเหตุคนเดียวหรือร่วมกันก่อเหตุ เพราะมีการพยายามล้างคราบเลื้อดเพื่อทำลายหลักฐาน
ด้าน แม่อุ๋ย สงคราม พี่สาวของผู้ตาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ผู้ตายเป็นหนุ่มใหญ่ไม่มีครอบครัว มารับจ้างเลี้ยงวัวที่สวนดังกล่าว วานนี้ตอนเย็นผู้ตายยังขับรถเข้าไปหาซื้อของกินพวกไข่ไก่กับข้าวเย็นยังเอามาฝากให้แล้วก็ขับออกไป แม่ไม่รู้ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่การกระทำดังกล่าวมองว่าเกินกว่าเหตุมาก ทำร้ายกันถึงตาย หากจะต่อยตีเพื่อสั่งเพื่อสอนก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะทางครอบครัวก็รู้ว่า น้องชายเวลาเมาก็จะพูดเสียงดัง แต่ไม่เคยทำร้ายใคร อยากให้ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุให้ได้ อยากเห็นหน้าคนที่ทำน้องชาย ลากร่างมาทิ้งเหมือนหมูเหมือนหมา
ด้าน นางแอ็ด อุปกิจ น้องสาวของผู้ตาย ช่วงเวลา 17.00 น. ได้พากันมาเก็บข้าวของ ของผู้ตาย โดยได้พูดอันเชิญดวงวิญญาญของน้องชายว่า ให้กลับบ้านเราไปอยู่กับพ่อกับแม่ดีกว่า อย่าอยู่ตรงนี้อยู่ตรงที่คนใจร้ายมาทำร้ายจนตาย พร้อมบอกให้ดวงวิญญาณของน้องไปติดตามตัวผู้กะทำผิดมาลงโทษให้ได้