“โรม” ขอบคุณ ปชช. โหวต “พิธา” เป็นนายกฯ อันดับ 1 ชี้ เพราะการทำงานอย่างหนัก-นโยบายที่ดี ได้รับการตอบรับ ลั่นสถานีต่อไปต้องเป็นพรรคอันดับ 1

16 เม.ย. 66 – นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชาชนโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เป็นอันดับ 1 ของคนที่จะเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง 2566

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

รวมไปถึงโหวตสนับสนุนพรรค ซึ่งพรรคก้าวไกลอยู่เป็นอันดับ 2 จากผลโพล สำนักข่าวมติชน ร่วมกับสำนักข่าวเดลินิวส์ สำรวจกลุ่มตัวอย่างผ่านช่องทางออนไลน์จำนวน 84,076 ราย กระจายทุกภูมิภาค ทุกระดับอายุ อาชีพ การศึกษา และรายได้ และเป็นการโหวตแบบไม่ซ้ำไอพีแอดเดรส (IP Address) ระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย 2566 ที่ผ่านมา

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณประชาชนที่โหวตให้กับ นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในการลงพื้นที่ของพวกเราที่ทำงานหนักมาตลอด หาเสียงเคาะประตูบ้านอย่างใกล้ชิดกับประชาชน นี้ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราได้รับความไว้วางใจ ซึ่งในพื้นที่ค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกับโพล

ประชาชนอยากเจอ นายพิธาและหลายคน ก็พูดถึงในแง่ที่ดีมาก ว่าเป็นคนที่วิสัยทัศน์ มีแนวโน้มว่า จะพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้า โดยตนลงพื้นที่ภาคใต้ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นพื้นที่ที่ไม่ง่ายก็ได้การตอบรับค่อนข้างดีกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นตนคิดว่า โพลก็สอดคล้องกับภาพความเป็นจริง

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าจะเลือกให้ นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องใช้ ส.ส. ในการเลือก ซึ่งเราก็จะเห็นว่า คะแนนของพรรคก้าวไกลในส่วนที่เป็น ส.ส.อย่างบัญชีรายชื่อ และในส่วนอื่นๆ ยังน้อยไปหน่อย ในเรื่องนี้เราคงต้องพยายามในการทำงานหนักมากยิ่งขึ้น

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า ถึงที่สุดแล้วต้องเลือกก้าวไกลทั้ง 2 ใบ เพื่อไปเลือก นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นเช่นนี้เราก็จะมีโอกาสที่จะเป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลได้ เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสร้างกระแสความนิยมให้เกิดขึ้น

ตนเชื่อว่า วันนี้เราบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเชื่อมั่นต่อตัวหัวหน้าพรรค ต่อไปต้องสร้างความมั่นต่อพรรค และผู้สมัครของพรรค

เมื่อถามผลโพลสามารถสะท้อนอะไรได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประชาชนคงใช้เวลาในการตัดสินใจในเรื่องของการเลือกคนที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะตัดสินใจเลือกคนอื่นไปแล้วแต่อาจจะเปลี่ยนก็ได้

ส่วนที่ 2 สะท้อนเรื่องนโยบายจะเห็นว่า แนวทางของพรรคก้าวไกลเรา ไม่ได้เริ่มต้นจากการดูดใคร ไม่ได้เริ่มจากการเอาบ้านนั้นบ้านนี้มาอยู่กับเรา แต่เราเริ่มต้นด้วยการทำนโยบาย ซึ่งกลายเป็นจุดขายที่สำคัญของพรรคก้าวไกลในการขับเคลื่อนทางการเมือง

ในส่วนที่ 3 คือ เวทีที่จะต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่างๆ การที่เรามีนโยบายที่ชัดเจนทำให้เราสามารถตอบปัญหาของสังคม รวมไปถึงอธิบายว่าประเทศไทยในอนาคตควรจะเป็นอย่างไรบ้างอย่างชัดเจน และตรงไปตรงมา สิ่งนี้แสดงถึงผลโพลที่ออกมา

และในส่วนที่ 4 นอกจากเรื่องของนโยบาย ก็คือจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคก้าวไกล ประชาชนจำนวนมากพูดถึงพรรคว่าเป็นพรรคการเมืองที่ชัดเจนมากที่สุด ไม่แปรเปลี่ยนไม่หักหลังประชาชน เลือกก้าวไกลในก้าวไกลตรงปก สิ่งเหล่านี้ทำให้พรรคได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในการเลือกตั้งครั้งนี้

เมื่อถามว่า คะแนนความนิยมของพรรคตามพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่มาก จะมีการปรับเปลี่ยนแผนในการหาเสียง เพื่อจะขึ้นมาเป็นที่ 1 หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า สถานีต่อไปเราต้องเป็นที่ 1 ให้ได้

จากผลโพลที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่า เรามาถูกทาง สิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปคือ การทำงานที่หนักขึ้น เดินมากขึ้น และพูดคุย อธิบายวิสัยทัศน์ ให้มากขึ้น

ตอนนี้นโยบายหลายนโยบายได้รับการตอบรับ เราคงต้องเน้นในส่วนนี้มากขึ้น เพื่อทำให้ประชาชนมอบความไว้วางใจให้กับพรรคก้าวไกลต่อไป