สุดสะเทือนใจ หนุ่มวัย 36 ปี เจ้าของโรงกลึง เดินถือป้ายขายไต 1 ข้าง โดยมีลูกสาววัย 6 ขวบเดินกอดเอวร้องไห้ไปด้วย แม่ยายเผยทั้งน้ำตาแอบไปกับลูกไม่บอกใคร วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพของ นายธนกฤต อายุ 36 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงกลึงย่าน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เดินถือป้ายกลางแยกไฟแดงบริเวณใต้สะพานข้ามแยกกองพลทหารราบที่ 11 คอมเพล็กซ์ ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยในภาพจะป้ายเขียนขอความประกาศขายไต 1 ข้าง เพื่อจ่ายภาระหนี้และเพื่อไว้เป็นทุนให้ลูก โดยมีเด็กหญิงเดินกอดเอวร้องไห้ไปด้วย สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้เห็นโพสต์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พบกับ นางปภาดา อายุ 51 ปี แม่ยายและลูกสาววัย 6 ขวบ และเด็กชายวัย 4 ขวบ ลูกของนายธนกฤต ซึ่งเป็นเจ้าของโรงกลึง

จากการสอบถาม นางปภาดา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า บางทีตนก็ท้อแท้แทนลูก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงคือเขาก็สุดๆ แล้วเหมือนกัน ในวันที่เขาออกไปถือป้ายนั้นเขาได้ออกไปกับลูกสาวเพียง 2 คน โดยไม่ได้บอกใคร เพราะตนก็ไปขายกล้วยปิ้งหารายได้มาจุนเจือและไม่มีใครรู้

จนกระทั่งกลับเข้ามาที่บ้าน หลานสาวได้มาเล่าให้ตนฟังว่า พ่อจะไปผ่าท้องทำอะไรกับเรื่องไตโดยพูดไปร้องไห้ไป หลังรู้ความจริงตนก็ได้แต่ให้กำลังใจกลัวว่าเขาจะไปทำอะไรไม่ดีเพราะถ้าหากเขาเป็นอะไรไปทั้งหมดก็หมดเลยทุกอย่าง อยากให้เขาคิดให้ดี

ตนก็อยากให้กำลังใจกับลูก เราต้องคิดว่าตอนเรามาไม่มีอะไรติดตัวมา ตอนนี้เรามาสร้างได้ขนาดนี้ เราต้องสู้ต่อไป อย่าคิดอะไรที่ไม่ดี คนเป็นแม่ไม่ทิ้งลูกอยู่แล้ว ต่อให้ลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะทิ้งลูก

อย่างงานที่ทำส่วนใหญ่จะเป็นงานเครดิต 30 วันเราก็ต้องออกเงินในการซื้อของมาทำให้ลูกค้าก่อน  บางทีงานเสร็จลูกค้าไม่จ่ายก็มีก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องสู้ต่อไปเพราะสงสารเด็กๆถ้าไม่มีพ่อจะอยู่ยังไง

ทางด้าน นายธนกฤต เจ้าของโรงกลึง เปิดเผยว่า ตนได้ทำธุรกิจโรงกลึงมากว่า 7 ปีแล้ว แต่มาเจอปัญหาช่วงของโควิดที่โรคระบาดมาเจอเศรษฐกิจที่มันแย่ลงก็ทำให้ต้องแบกภาระ ซึ่งภาระในส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนของพนักงานด้วย จากพนักงานตอนนั้นก็อยู่ประมาณเกือบ 20 คน ตั้งแต่ต้นปีก็แบกมาแบกมาเรื่อยๆ

แต่ระยะหลังไม่ไหวจริงๆ เงินทุนก็เริ่มไม่มี จึงได้ทำการไปหากู้หนี้ยืมสินนอกระบบมา เสร็จแล้วก็จ่ายให้กับพนักงาน มีอยู่เดือนหนึ่งที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้พนักงาน  คือเค้าก็ต้องออกเป็นธรรมดาเพราะว่าตนไม่มีจะจ่ายเขา แต่คนอยู่เค้าก็อยู่ไปก็ไม่รู้จะคิดหาทางออกจะแก้ไขว่าจะแก้ไขยังไง

โดยคิดว่าจะวิ่งหางานแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้งานเลย ถ้าตนมาหางานแบบไม่มีเส้นไม่มีสายหรือคนรู้จักมันก็ยากแล้ว  อีกอย่างในช่วงของโรคระบาดเวลาจะไปหางานก็ต้องมีการเอาใบรับรองในการฉีดวัคซีน ก่อนที่จะเข้าโรงงานผลิตแต่ก็ยังทำให้งานตนลดน้อยลง พองานน้อยลงก็ไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ

แต่ที่หนักมากที่สุดก็คือเป็นพวกดอกรายวัน ที่ตนจำใจต้องเอามาพอมาเสร็จแล้วก็ต้องยอมรับสภาพ ตนต้องหาใช้เขาแต่บางครั้งมันหมุนไม่ทันไม่รู้ว่าจะทำยังไงก็เลยตัดสินใจว่าไปไหว้หลวงพ่อโสธรที่ จ.ฉะเชิงเทรา มา พอหลังจากไหว้เสร็จก็เลยคิดว่ามันไม่มีทางออกแล้ว

ตนก็เลยตัดสินใจไปกับลูกสาวเพียง 2 คน แล้วดูในคลิปว่ามันมีส่วนไหนที่ร่างกายเราสามารถขายได้ตนก็รู้ว่ามันผิดกฏหมาย แต่ก็มันมีทางออกทางเดียวที่จะช่วยตนได้ เพราะว่าตนก็เคยเข้าไปหาผู้หลักผู้ใหญ่พูดคุยที่จะให้ช่วยเผื่อจะได้เงินก้อนประมาณ 1 ล้านบาท แต่ก็ไม่มีทางที่เค้าจะช่วยได้เพราะเราไม่มีหลักทรัพย์อะไรที่จะไปค้ำประกัน ตนก็มีแต่เครื่องจักร

ก็เลยตัดสินใจว่าเราขายอวัยวะส่วนตัวของเราอยู่ในร่างกายของเรา แต่เราขายในส่วนที่มันยังมียังต่อชีวิตลงต่อลมหายใจของเราได้ต่ออีก ก็เลยตัดสินใจขายไตข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขายได้ไหมรู้ว่ามันผิดกฎหมายอย่างน้อยก็ถือว่าตนได้ทำเต็มที่แล้ว มันก็ดีกว่าที่ตนจะไปปล้นไปจี้ไปฆ่าเค้าเอาตนก็คิดได้เท่านี้ ตอนนี้ตนพยายามหาวิธีหาทางออก

อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของตนด้วยที่จะต้องจ่ายค่าที่ที่เช่าไว้ด้วยซึ่งถ้าตนไม่จ่ายเค้าก็ต้องให้ตนออก เพราะว่าตนก็เลื่อนเขามาหลายครั้งแล้วตอนนี้คือทุนในการหมุนเวียนแทบจะไม่มีเลยแม้กระทั่งเงินที่จะใช้ก็แทบจะไม่เหลือ

ลูกสาวก็บอกว่าพ่อไม่ให้พ่อขายไตนะ ถ้าพ่อขาย พ่อจะเอาตรงไหน ตนก็บอกลูกว่าพ่อจะต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ลูกสาวก็ถามว่าถ้าผ่าแล้วพ่อจะหายไหม ตนก็บอกกับลูกสาวว่าพ่อไม่รู้ว่าพ่อจะหายหรือเปล่า หรือพ่ออาจจะตายก็ได้

ลูกสาวก็ร้องไห้ แต่ลูกก็บอกพ่อหนูไม่ให้พ่อขายไต ถ้าพ่อขายแล้วหนูจะอยู่กับใครถ้าพ่อตาย จากนั้นลูกก็ร้องไห้และเดินตามกอดเอวของตนบริเวณกลางสี่แยกไฟแดงที่เดินประกาศขายไต เพราะตนคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ