โต้ปมพ่อช่วย! ‘แอล’ ดาราสาวลูก ‘ส.ส.กรุง ศรีวิไล’ เปิดใจ หลังขับรถชน 8 คัน ยันไม่ได้เมา มีหลักฐาน เรื่องจบก่อนพ่อรู้ซะอีก ไม่ได้หนี ดูแลคู่กรณีหมด
จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในเมืองพัทยา ดาราสาว “แอล กมลวรรณ” ลูกสาวของนักแสดงรุ่นใหญ่ “กรุง ศรีวิไล” หรือ กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ขับรถยนต์ตู้อัลพาร์ดแล้วเกิดวูบหลับใน ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนรถจยย.และรถยนต์ ที่จอดอยู่ข้างทาง เสียหายรวม 8 คัน
ล่าสุด วันที่ 18 ธ.ค.65 แอล มาร่วมงาน และเปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมชี้แจงทุกกระแสดราม่า ที่บอกว่าเธอเมาแล้วขับ รวมทั้งประเด็นที่ว่าใช้เส้นให้เรื่องจบ
โดยดาราสาวเล่าว่า “เหตุการณ์วันนั้นคือแอลไปพัทยากับคุณแม่และน้องชายค่ะไปวันเกิดของคุณน้า ซึ่งแป๊บเดียวคุณแม่เขาก็กลับ เราก็ขับรถให้ ซึ่งขับอยู่ดีๆเราก็รู้สึกวูบไปเลย คือที่แอลบอกว่าแอลเคยวูบบ่อยๆแต่ไม่เคยวูบขณะที่ขับรถ ซึ่งแอลอ่ะเป็นความดันต่ำด้วยต้องกินยาบำรุงเลือด ซึ่งปกติเราอ่ะจะมีคนขับรถแต่วันนั้นเราอยากจะเดินทางกันแค่สามคน มันก็เลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งมารู้ตัวอีกทีมันก็เกิดชนไปแล้ว คือมันวูบหลับไปเลยซึ่งมันไม่เคยจะเกิดขึ้นในขณะพี่แอลขับรถ คือเพื่อนๆจะรู้ว่าแอลอ่ะเป็นคนที่ชอบขับรถมาก แล้วเวลาไปไหนแอลจะขับตลอดให้เพื่อนนั่งตลอด คือมันอาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้มันพักผ่อนน้อยแล้วก็อ่อนแอ คือหลังจากเกิดเหตุการณ์ คุณแม่จะนั่งอยู่ข้างหลังแล้วพอแอลรู้ตัวว่ารถชนปุ๊บ หนูรีบวิ่งลงไปรีบเดินลงไปแล้วก็ไปยกมือไหว้เขา พูดว่าพี่คะมีใครเป็นอะไรไหมคะ มีใครบาดเจ็บไหม หนูขอโทษนะคะ ขอโทษวินมอเตอร์ไซค์ ขอโทษเจ้าของร้านข้าวต้ม ขอโทษทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมดนี่คือสิ่งที่เราทำ ไม่ได้มีการหลบหนีแต่อย่างใด เราขอโทษและทุกๆคนเขาก็เป็นพยานเพราะพี่วิน ก็พูดออกข่าวไปหมดแล้วว่าแอลมีปฏิกิริยายังไงบ้างหลังจากที่ชน คือแอลพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง”
เขารู้ไหมว่าเราเป็นใคร?
“ไม่รู้ค่ะเพราะว่าหนูใส่แมสก์ คืออีกอย่างเราไม่ได้ต้องการที่จะให้เป็นข่าวอยู่แล้ว หนูไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นข่าว เลยคิดว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุแค่นิดนิดที่เราสามารถจะเคลียร์ได้ไม่ต้องเป็นข่าวก็ได้ อีกใจหนึ่งเราก็ไม่อยากให้คุณพ่อไม่สบายใจ แล้วเราก็อยู่กับคุณแม่ด้วยก็น่าจะผ่านไปได้ในเวย์ของเราก็น่าจะเคลียร์ได้”
แล้วคนที่ได้รับความเสียหายเขามีปฏิกิริยาสีหน้ายังไงตอนที่เราลงไปขอโทษ?
“ไม่มีโมโหค่ะ ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรก็อาจจะยังงง ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มีพี่มาถามว่าแอลเป็นอะไรไหม ซึ่งแอลก็ยังหัวโนตรงนี้”
มันเลยทำให้มีคนตั้งคำถามว่าเราดื่มหรือเปล่า?
“ไม่ดื่มค่ะ หลังจากที่แอลรถชนปุ๊บแอลก็เดินทางไปสน. เลย แล้วก็ได้อัดคลิปวิดีโอตอนที่เป่าแอลกอฮอล์ด้วย แล้วก็มีหลักฐานการเป่าแอลกอฮอล์อยู่ที่ สภ.พัทยาเรียบร้อย คือแอลกอฮอล์เป็นศูนย์เลย หนูไม่ได้กินไม่ได้ดื่มเลยค่ะ แต่ว่าปกติหนูเป็นคนที่ดื่มนะคะ แต่ว่าวันนั้นหนูไม่ได้ดื่มจริงๆค่ะ ยืนยันว่าไม่ได้เมาแล้วขับและไม่มีใครช่วย เพราะในคอมเม้นต์น่ะเขาบอกว่าคุณพ่อเป็นสส. เป็นลูกสส.คุณพ่อช่วยหรือมีใครช่วยหรือเปล่า จะบอกตรงนี้เลยนะคะว่าตอนแรกคุณพ่อยังไม่รู้เลยว่าถูกรถชน คุณพ่อหนูรู้ตอนเช้าในข่าวพร้อมกับทุกคนค่ะ เพราะฉะนั้นไม่มีใครช่วยแอลค่ะ แล้วก็สำหรับคนอย่างแอลถ้าเกิดว่าแอลเกิดอุบัติเหตุหรือเมาแล้วขับ แอลพร้อมที่จะรับผิดชอบกับทุกคนไม่หนีแน่นอนค่ะ”
ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ใช่ไหม?
“โชคดีมากค่ะ ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรเลย”
เห็นว่าตอนจังหวะรถชน เหมือนประตูด้านข้างรถเราเปิดอ้าอยู่?
“คือรถอัลฟาร์ดอะ หนูไม่แน่ใจนะ คือคุณแม่เขานั่งอยู่ด้านหลัง แล้วแอลอ่ะไม่เห็นหรอก ว่าประตูมันเปิดอยู่ มาเห็นอีกทีตอนที่เราจอดรถแล้ว รถชนเสร็จแล้ว เราก็เอ๊ะ ทำไมประตูมันเปิดอยู่ หนูก็ยังอยู่ที่รถนานมาก สรุปคือตรงขาของรถอัลฟาร์ด มันจะมีปุ่มอยู่ปุ่มหนึ่ง ถ้าเรากดปุ่มนี้มันจะเปลี่ยนโหมดเป็นใช้มือ หนูคิดว่าหนูอาจจะไปโดนปุ่มนั้นโดยที่ไม่รู้ตัว หรืออีกอย่างหนึ่งคือเพื่อนคุณแม่ลงไป แล้วอาจจะปิดไม่สนิท เพราะมันใกล้ๆ กับบ้านตรงนั้นเลยค่ะ มีแค่สองประเด็นนี้เท่านั้น”
เรื่องค่าเสียหาย เราชดใช้หรือรับผิดชอบอย่างไรบ้าง?
“ค่าเสียหายรวมๆ แล้ว เห็นประกันเขาตีนะคะ ประมาณ 5 แสน ซึ่งค่าเสียหายตรงนี้ประกันเขารับผิดชอบหมดทุกอย่างอยู่แล้ว และแอลก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างหมดเลย เพราะว่าถ้าเกิดมันเกินมาเราก็พร้อมรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่เราก็มีดูแลไปส่วนหนึ่งบ้างค่ะ เราไม่ได้ปล่อยใครทิ้งขว้าง แล้ว ณ วันนั้นที่เกิดเหตุ แอลก็หัวโน แขนก็เป็นแผล แล้วแอลก็ส่งทุกคน แอลคุยกับตำรวจจนทุกคนได้ใบบันทึกประจำวัน ผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าคน แอลรอส่งทุกคนจนขึ้นรถหมด จนทุกคนสบายใจหนูถึงไปโรงพยาบาล”
ในที่เกิดเหตุเหมือนจะเคลียร์กันได้แล้ว แล้วมันมาเป็นข่าวเพราะอะไร?
“อันนี้ไม่ทราบเลยค่ะ เพราะว่าตื่นมาก็คือเป็นข่าวไปแล้ว แต่จริงๆ ก็ไม่ไปคิดจะปกปิดนะคะ แค่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ค่ะ เป็นข่าวก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไร”
ข่าวออกมาตอนแรกวิจารณ์ว่าเราเมาแล้วขับหรือเปล่า มันทำให้เราโดนทัวร์ลงไหม?
“ทัวร์ลงน้อยมากนะคะ หนูไม่มีทัวร์ลงเลย มีแค่นิดเดียวไม่ถึง 5 คนอะ มาลงที่ไอจีหนู แต่ก็ไม่มีผลอะไร เพราะความจริงมันก็คือความจริง แล้วหนูก็มีหลักฐานพร้อมหมดทุกอย่าง ไม่เชื่อไปสอบถามตำรวจก็ได้ค่ะ”
สภาพจิตใจเราตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“สภาพจิตใจตอนนี้ยังมีตกใจอยู่บ้างเล็กน้อยค่ะ ก็คือตั้งแต่วันนั้นยังไม่ได้ออกไปไหนเลย จนวันนี้ก็เข้มแข็งขึ้นค่ะ ออกมาพบกับพี่ๆ สื่อมวลชนได้แล้ว พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ แต่นี่น้องชายก็เป็นคนขับรถมาให้ คุณพ่อส่งน้องชายมาให้ แต่ปกติก็มีคนขับนั่นแหละค่ะ มันเป็นแค่อุบัติเหตุจริงๆ ที่ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นค่ะ”
เป็นอุบัติเหตุครั้งแรกของเราเลยไหมที่ขับรถเอง?
“น่าจะเป็นครั้งแรกเลยค่ะ ที่เป็นอุบัติเหตุและใหญ่ขนาดนี้”
คุณพ่อว่ายังไงบ้าง?
“คุณพ่อตอนแรกก็เป็นห่วงค่ะ อันดับแรกเลยคือเป็นห่วง แต่เขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไร เราไม่ได้เมา แล้วเราก็อยู่กับคุณแม่ พ่อเขาก็รับทราบอยู่แล้ว ว่าเราไปเที่ยวกันสามคน เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่ว่าแอบไม่แคร์คนรอบข้างหรือว่าสังคมนะ แต่ว่าหนูไม่ได้ทำอะไรผิดค่ะ หนูก็ยอมรับและก็รับผิดชอบทุกอย่าง”
ตอนนี้เคลียร์เรียบร้อยหรือยัง ไม่ได้เป็นคดีความใช่ไหม?
“หนูก็มีต้องเข้าไปที่โรงพักอยู่ค่ะ เพื่อไปเสียค่าปรับของทางตำรวจ แล้วผู้เสียหายคนอื่น ตอนนี้รถเขาก็ดำเนินการซ่อมอยู่ ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นเลย หนูก็ออกพวกค่าก่อนที่จะไปซ่อมอะไรแบบนี้ค่ะ หนูจัดการให้หมดทุกคน”
แล้วสุขภาพของเรา เรื่องการวูบ เราได้ไปหาหมอเช็กแบบจริงจังไหม?
“เช็กจริงจังค่ะ ของหนูอาจจะเกิดจากการพักผ่อนน้อย เพราะช่วงนั้นแอลก็ทำงานหนักมากๆ ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ก็อย่างที่บอกว่าเราเป็นโรคความดันต่ำด้วย แต่หนูก็รู้นะว่าหนูไม่ควรขับรถ แต่วันนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ แล้วมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน นึกออกไหมคะ คุณหมอบอกว่าแค่พักผ่อนให้เพียงพอก็จะดีขึ้นแล้วค่ะ ไม่ได้เปนอะไรหนักหรือแย่ขนาดนั้นค่ะ”