จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบศพนางสาววราพร อายุ 40 ปี พนักงานโรงงาน แห่งในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคนร้ายใช้เสื้อผ้ารัดคอ ใช้ของแข็งทุบที่ศีรษะจนเสียชีวิต แล้วนำร่างทิ้งลงในคลองบางพระครู ม.3 ต.ตาลเอน อ. บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา คนร้ายได้เผาเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตเพื่อทำลายหลักฐาน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ต่อมาผลการตรวจสอบชันสูตรพบ ผู้เสียติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องเร่งเผาศพก่อนกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามคดี สอบสวนพยานบุคคล ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหลายจุด ตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย พร้อมกับตรวจหา DNA
จนล่าสุดช่วงค่ำวันที่ 11 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภาค 1 ชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน สภ.บางปะหัน ได้นำตัวชายวัยรุ่น อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้าง ใกล้กับที่เกิดเหตุมาสอบสวน กระทั่งให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆ่านางสาววราพร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 1 คัน
ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุดื่มเหล้าอยู่ที่แคมป์คนงานก่อสร้าง หัวหน้างานให้ไปซ่อมรถแบคโฮ จึงได้ขับรถจักรยานยนต์จะไปซ่อมรถ ระหว่างทางพบเห็นผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี เห็นว่ารูปร่างดี จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ขี่รถติดตามไปจนทัน แล้วถีบรถเหยื่อจนล้ม ก่อนเข้าไปทำร้ายร่างกายจนสลบ จากนั้นจึงนำตัวหญิงสาวพาดกับถังน้ำมันรถจักรยานยนต์พามายังที่ริมคลอง จับถอดเสื้อผ้าจะข่มขืน นางสาววราพร ฟื้นต่อสู้จึงใช้ก้อนหินทุบที่ศีรษะจนแน่นิ่งไป จากนั้นคิดว่าเสียชีวิต จึงกระชากเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ติดมือมาด้วย แล้วนำร่างผู้เสียชีวิตทิ้งลงในคลอง จากนั้นกลับมาที่พักนำทองคำโยนทิ้งหลังที่พัก ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามตรวจยึดมาได้
ล่าสุดวันที่ 12 สิงหาคม ที่ สภ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา แม่และพี่สาวของผู้ต้องหา ได้นำอาหารมาเยี่ยมผู้ต้องหา ที่ถูกควบคุมตัวในห้องขัง ซึ่งเจ้าตัวนั่งก้มหน้าร้องไห้ตลอดเวลา โดยแม่ของผู้ต้องหาเผยว่า ถ้าไม่มีพยานหลักฐานอะไรมายืนยัน ตนก็ยังไม่เชื่อว่าลูกชายจะก่อเหตุ ตนเองติดตามข่าวนี้และรู้สึกสงสารครอบครัวของผู้เสียชีวิต เคยสอบถามลูกชายว่าไปเกี่ยวข้องอะไรหรือไม่ ลูกชายตอบว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ไปใกล้ที่เกิดเหตุเลย ซึ่งก็ตกใจมากเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมลูกชายที่แคมป์คนงานก่อสร้าง
แม่ของผู้ต้องหายังบอกอีกว่า ลูกเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรกับใคร ตั้งแต่เกิดเหตุก็ทำงานใช้ชีวิตปกติ ไม่มีความผิดปกติอะไร ขนาดตำรวจมาถึงยังไม่แสดงอาการอะไร จนตำรวจสอบสวนถึงได้รับสารภาพ
ด้าน นายชัยยุทธ อายุ 40 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า พอทราบข่าวว่าจับกุมผู้ต้องหาได้ ก็รีบเดินทางมาที่โรงพักทันที อยากเห็นหน้าคนร้ายว่าทำไมเป็นคนโหดเหี้ยมขนาดนี้ ไม่คิดว่าคนร้ายจะก่อเหตุเพียงคนเดียว ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจมากที่ติดตามจับกุมคนร้ายได้ ทำงานอย่างจริงจังมาโดยตลอดไม่ได้เงียบหายไป