โจรบุกขโมย ประตูไม้สักโบราณศาลเจ้า อายุนับ 100 ปี วอนตร.เร่งจับ หวั่นก่อเหตุซ้ำ เผยมูลค่าสูงในตลาดมืด เชื่อคนร้ายชำนาญการถอด-ติดตั้ง ไร้ร่องรอยงัดแงะ
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุขโมยบานประตูไม้สักโบราณศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ภายในซอยเทศบาล 1 ต.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ภายหลังจากถูกน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร ต้องเปิดทิ้งไว้ แต่พอน้ำลดพากันทำความสะอาดล้างศาลเจ้า พบบานประตูหายไป 1 บาน
ลักษณะของประตูเป็นไม้สักทอง มีขนาดหนา 3 นิ้ว กว้าง 60 เซนติเมตร ความสูง 2 เมตร น้ำหนักกว่า 80 กิโลกรัม หน้าบานประตูแกะสลักเป็นรูปเทพทวารบาลเฝ้าประตู บานประตูติดตั้งแบบสลักยึดกับพื้้นและวงกลบด้านบน หายไป 1 บาน เหลือทิ้งไว้ 1บาน
สอบถาม นายณัฐไวทย์ กุลวงษ์วาณิชย์ อายุ 44 ปี คณะกรรมการศาลเจ้า กล่าวว่า ศาลเจ้าถูกน้ำท่วม จึงเก็บพระพุทธรูป เจ้าพ่อ และโต๊ะเครื่องตั้งไปไว้บนที่สูงพ้นน้ำ และเปิดประตูศาลเจ้าทั้งสองบานทิ้งไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงกดดันของน้ำ เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ระดับน้ำลดลง ทางสำนักงานเทศบาลตำบลท่าเรือได้นำคนงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาฉีดน้ำล้างทำความสะอาดรอบบริเวณศาลเจ้า ยังพบว่าบานประตูศาลเจ้าทั้ง 2 บานยังอยู่
นายณัฐไวทย์ กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อวาน คณะกรรมการศาลเจ้า จะอัญเชิญเจ้าพ่อปุงเถ่ากง ปุงเถ่าม่า มาตั้งประดิษฐ์ยังที่เดิมภายในศาลเจ้า และเข้ามาเก็บทำความสะอาดภายในศาลเจ้า พบประตูศาลเจ้าบานด้านซ้ายหายไป สอบถามทุกคนแล้วยืนยันว่าช่วงศาลเจ้าถูกน้ำท่วม คณะกรรมการโรงเจได้พายเรือเข้ามาตรวจสอบศาลเจ้าหลายครั้ง พบว่าประตูยังอยู่ทั้ง 2 บานแต่เปิดทิ้งไว้ และตอนน้ำแห้งเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนก็พบว่าประตูยังอยู่ น่าจะหายช่วงวันลอยกระทง
นายณัฐไวทย์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าคนร้ายต้องมีความชำนาญในการถอดและติดตั้งประตูไม้สักแบบโบราณบานขนาดใหญ่น้ำหนักมากลักษณะนี้ เนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยของการงัดแงะ คนที่จะถอดต้องมีความชำนาญสูง ตนเชื่อว่าหากใครขโมยไปก็จะเจอสิ่งไม่ดีในชีวิต
เบื้องต้นได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าเรือ เพื่อให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเก็บหลักฐาน ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีและติดตามนำเอาบานประตูกลับคืนมา เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเชื้อสายจีนใน อ.ท่าเรือ เป็นอย่างมาก สำหรับมูลค่าหากตกไปอยู่ในตลาดมืดก็จะได้ราคาสูงเป็นที่นิยมของพวกนักสะสมของโบราณเก่าแก่
นายณัฐไวทย์ กล่าวต่อว่า หากตำรวจยังติดตามบานประตูกลับคืนมาไม่ได้ หรือยังจับคนร้ายไม่ได้ เกรงว่ากลุ่มคนร้ายจะหวนกลับมาขโมยบานประตูที่เหลืออีก 1 บานไปอีก เนื่องจากโรงเจแห่งนี้ไม่มีคนเฝ้ามานานแล้ว หลังจากคนเฝ้าเดิมเสียชีวิตภายในศาลเจ้าแห่งนี้
นายณัฐไวทย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏมีทรัพย์สินของโรงเจของศาลเจ้าหาย จึงไม่ได้ติดตั้งระบบป้องกัน ไม่ได้มีกุญแจล็อก และไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้สำนักงานเทศบาลเปิดไฟส่องแสงสว่างตลอดคืน หลังจากนี้ไปคณะกรรมโรงเจจะต้องทบทวนหามาตรการป้องกันเพิ่มขึ้นอีกเพื่อป้องกันทรัพย์สินหาย
ด้าน พ.ต.อ.ธีรวุฒิ แสงมณี ผกก.สภ.ท่าเรือ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตรวจสอบกล้องวงจรใกล้เคียง และตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ตรวจสอบตามร้านรับซื้อของเก่า เชื่อว่าหากขโมยไปอาจจะนำไปขายตามร้านของเก่า หรืออาจจะเป็นการขโมยตามใบสั่งซื้อ อยู่ระหว่างการตรวจสอบและติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป