โค้ชหระ อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นไม่เกิน 23 ปี เผยวางแผนงานไว้แล้ว 3 ขั้นตอนเพื่อรองรับสถานการณ์ก่อนเข้าร่วมล่าทองซีเกมส์
โค้ชหระ อิสสระ ศรีทะโร เพิ่งรับการแต่งตั้งจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในการล่าเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา รวมถึงฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย เพื่อลุ้นโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส โดยมี “บิ๊กหยิม”ยุทธนา หยิมการุณ เป็นผู้อำนวยการทีมชาติ
ก่อนหน้านี้สมาคมฟุตบอลไทย ร่วมประชุมกับสโมสรตัวแทนในฟุตบอลลีกอาชีพ และมีความเห็นร่วมกันว่าฟุตบอลอาชีพของไทยจะปรับโปรแกรมให้ทุกรายการจบเร็วขึ้น ด้วยการเพิ่มจำนวนแมตช์กลางสัปดาห์รวมถึงทีมชาติไทยจะไร้เกมช่วงฟีฟ่าเดย์ เพื่อให้ไม่ทับซ้อนกับบอลซีเกมส์
- ผู้บริหารนครศรี โพสต์โดนแข้งในสังกัดขู่ทำร้าย – ด้านนักเตะโร่ปฏิเสธ
อย่างไรก็ดีมีการคัดค้านอย่างหนักจากหลายสโมสรในไทยลีก โดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊กระบุว่าการตัดสินใจของสมาคมแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ ก่อนที่ในเวลาต่อมา “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมบอลจะมีคำสั่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนโปรแกรมนำแผนดังกล่าวไปทบทวนใหม่
อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมีคำสั่งจากประมุขลูกหนังไทยให้มีการทบทวนแผนปรับโปรแกรมแข่งบอลอาชีพในประเทศ แต่ยังไม่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงแผนบอลอาชีพในประเทศแต่อย่างใด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกทีม 23 ปี ยอมรับว่ากำลังรอคำตอบที่ชัดเจนจากทั้งสมาคมบอล ไทยลีก รวมถึงสโมสรสมาชิกว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกทางใด แต่ทั้งนี้ตนและทีมงานได้เตรียมแผนการทำงานรองรับเอาไว้ค่อนข้างครอบคลุมแล้ว เพื่อให้ได้ทีมที่ดีที่สุดไปเล่นซีเกมส์ช่วงกลางปีหน้าที่กัมพูชา
กุนซือช้างศึก รุ่นไม่เกิน 23 ปี กล่าวว่า “ผมและทีมงานกำลังรอผลการหารือทั้งไทยลีก สมาคมบอล และสโมสรสมาชิกว่าจะมีผลออกมาแตกต่างจากการประกาศเปลี่ยนโปรแกรมในครั้งแรกหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนแล้วจะจบลีกช่วงไหน จะทับซ้อนกับโปรแกรมซีเกมส์หรือไม่”
“อย่างไรก็ดีทีมงานของเราได้มีการพูดคุยเพื่อวางแผนรองรับเอาไว้อยู่แล้วทั้ง 3 แนวทางเพื่อให้ได้ทีมที่เหมาะสมที่สุดในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมบอลอาชีพ แนวทางแรกคือเราได้นักเตะตัวหลักที่เราต้องการใช้งานทั้งหมดและโปรแกรมลีกไม่ทับซ้อนซีเกมส์เรื่องนี้คงไม่มีปัญหา”
“แนวทางที่สองในกรณีเราไม่ได้ตัวหลักและโปรแกรมบอลอาชีพทับซ้อนซีเกมส์ เราจะมองไปยังนักเตะในกลุ่มนักเตะตัวเลือกที่สองซึ่งไม่ใช่ตัวหลักของสโมสร เราจะมีการเก็บตัวกันบ่อยขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้นักเตะกลุ่มนี้พร้อมที่จะลงสนาม”
“ส่วนแนวทางที่ 3 คือในกรณีที่สโมสรมีโปรแกรมของตัวเองและไม่สามารถปล่อยตัวหลักในรุ่น 23 ปี และตัวเลือกอันดับ 2 มาร่วมทีมชาติไทย แผนนี้เราคงต้องคุยกับสโมสรว่าจะปล่อยนักเตะได้กี่คนเพื่อลดผลกระทบให้น้อยที่สุด อาจจะขอความร่วมมือสโมสรปล่อยแค่ทีมละ 1 คนในตัวหลัก และอีกสักคนในกลุ่มตัวเลือกที่ 3”
“แน่นอนว่าแนวทางที่ 3 นั้นจะเป็นงานที่ยาก เพราะนักเตะอาจจะมีระดับฝีเท้าห่างกันพอสมควร ความเข้าใจเกมระหว่างกันมีน้อย ดังนั้นจะมีการฝึกซ้อมร่วมกันค่อนข้างบ่อยเช่นอาจจะซ้อมร่วมกันเดือนละ 2-3 ครั้ง แต่การซ้อมในทีมชาติจะไม่กระทบกับสโมสรนั่นคือการซ้อมแต่ละครั้งอาจใช้เวลาเพียง 2-3 วัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม”