ทำไมเราจึงต้องระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย สายพันธุ์แตกต่างและน่ากลัวกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อย่างไร และมีวิธีป้องกันที่แตกต่างไปจากเดิมหรือไม่
โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย เป็นอย่างไร?
ระบุว่า ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย ไม่เหมือนสายพันธุ์อังกฤษที่แพร่กระจายง่ายกว่า และจะทำให้มนุษย์ติดเชื้อได้ง่ายกว่า
การกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์อินเดีย
ข้อมูลจาก โรงพยาบาลเพชรเวช ระบุข้อมูลเอาไว้ดังนี้
- โควิดสายพันธุ์อินเดียกลายพันธุ์ 2 จุด (Double Mutant) คือ E484Q และ L452R ส่งผลให้มีความสามารถในการกระจายตัวที่สูงมากขึ้น
- โควิดสายพันธุ์อินเดียกลายพันธุ์ 3 จุด (Triple Mutant Variant) เป็นชนิด B.1.618 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “โควิดสายพันธุ์เบงกอล” เกิดจากการหายไปของหนามตำแหน่ง H146 และ Y145 และมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484K และ D614G
โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย อันตรายแค่ไหน?
เนื่องจากการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียที่จุด E484K มีผลต่อการหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันคล้ายกับโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ และสายพันธุ์บราซิล นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ในมาเลเซีย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่อยู่ติดกับทางภาคใต้ของประเทศไทยการเตรียมตัวระแวดระวังโควิดสายพันธุ์นี้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ และด้วยสถานการณ์การระบาดอย่างหนักในประเทศอินเดียยังทำให้ทั่วโลกกำลังจับตามองโควิดสายพันธุ์อินเดียอยู่ตลอดอีกด้วย
นอกจากนี้ BBC India รายงานว่า ที่อินเดียยังพบผู้ป่วยเบาหวานที่หายจากโควิด-19 แล้ว มีอาการเนื้อเยื่อติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิส ซึ่งเป็นเชื้อราที่พบได้ยาก แต่อันตรายต่อจมูก ดวงตา และสมอง จนทำให้ต้องทำการผ่าตัดออกดวงตาออกเพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยมาแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยอาจถูกกระตุ้นจากการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดอาการอักเสบของปอด ซึ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อาการวิกฤต โดยยากลุ่มนี้ยาชนิดนี้จะไปลดภูมิคุ้มกัน และเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของคนไข้โควิดทั้งที่เป็นเบาหวาน และไม่ได้เป็นเบาหวาน จึงอาจทำให้ภูมิคุ้มกันที่ลดลงอาจกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสได้
วิธีป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย
วิธีป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียไม่ได้แตกต่างจากการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์อื่นๆ แต่อย่างใด โดยสามารถทำได้ดังนี้
- สวมหน้ากากอนามัย
- ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- รักษาระยะห่างกับผู้อื่น
- ไม่ชุมนุมหรือรวมกลุ่มกัน
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19