โครเอเชีย แก้ตัวด้วยการคว้าอันดับที่ 3 มาครองได้สำเร็จ หลังเฉือนเอาชนะ ทีมชาติ โมร็อกโก ไปแบบสนุก 2-1 ในเกมรอบชิงอันดับที่ 3 การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022
ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.65 เวลา 22.00 น. เป็นการแข่งขันรอบชิงอันดับ 3 ที่คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม เมืองอัล รายยาน ประเทศกาตาร์ เป็นการโควจรมพบกันระหว่าง “แข้งตาหมากรุก” ทีมชาติโครเอเชีย รองแชมป์เก่า อันดับ 12 ของโลก พบกับ “สิงโตแอตลาส” ทีมชาติโมร็อกโก อันดับ 22 ของโลก ม้ามืดของทัวร์นาเมนต์ ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
สำหรับรอบรองชนะเลิศ โครเอเชีย พ่ายให้กับ อาร์เจนตินา ไปแบบขาดลอย 0-3 ขณะที่ โมร็อกโก ไปพาดเสียประตูเร็ว ก่อนจะพ่ายฝรั่งเศส ไปแบบสนุก 0-2
โครเอเชีย มาในระบบ 3-5-2 ประกอบด้วย โดมินิก ลิวาโควิช : โยซิป สตานิซิช, โยซิป ซูตาโล, ยอสโก กวาร์ดิโอล : มิสลาฟ ออร์ซิช, ลอฟโร มาเยอร์, ลูกา โมดริช, มาเตโอ โควาชิช, อิวาน เปริซิช : มาร์โค ลิวายา, อังเดร ครามาริช
โมร็อกโก มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย ยัสซิน โบโน : อัชราฟ ฮาคิมี, อัชราฟ ดารี, จาวัด เอล ยามิก, ยาเฮีย อัตติยัต อัลลาห์ : อับเดลฮามิด ซาบิรี, โซฟียาน อัมราบัต, บิลัล เอล คานนูส : ฮาคิม ซิเยช, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี, โซฟียาน บูฟาล
- คาริม เบนเซมา โพสต์อินสตราแกรม ทำแฟนบอลแห่โยงข่าวคัมแบ๊กทีมชาติฝรั่งเศส
- ฝรั่งเศส ระส่ำ 5 นักเตะสุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ไข้หวัดอูฐ ก่อนชิงฯ ฟุตบอลโลก
- จานนี อินฟานติโน ยก ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ดีสุดในประวัติศาสตร์
เริ่มเกมเพียง 2 นาที โมร็ฮกโก เกือบจะเสียประตูเร็ว จากความผิดพลาดของ ยัสซิน โบโน ผู้รักษาประตู สกัดบอลผิดเหลี่ยม บอลไหลผ่านหน้าประตูออกหลังไปนิดเดียว
จากนั้นนาทีที่ 7 โครเอเชีย ได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะฟรีคิกหน้าเขตโทษ ลอฟโร มาเยอร์ เปิดบอลโด่งไปกลางประตู อิวาน เปริซิช โหม่งชกต่อบอลไปถึง ยอสโก กวาร์ดิโอล ได้พุ่งโหม่งส่งบอลเข้าประตู ให้ทีมออกนำ 1-0
โครเอเชีย ได้ดีใจเพียง 2 นาที โมร็อกโก มาได้ประตูตามตีเสมออย่างรวดเร็ว จากฟรีคิดเช่นกัน ฮาคิม ซิเยช เปิดโด่งเข้าไปในเขตโทษแนวรับโครเอเชีย สกัดบอลไม่ดี บอลลอยไปถึง อัชราฟ ดารี วิ่งตามไปโหม่งส่งบอลเข้าประตู โมร็อกโก ตาตีเสมอ 1-1
ผ่าน30 นาทีของครึ่งแรก โครเอเชีย ทำได้ดีกว่า ครองบอลบุกได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ โมร็อกโก ลงไปตั้งรับและรอจังหวะโต้กลับได้อย่างน่ากลัว
จากนั้น โมร็อกโก ทำได้ดีขึ้น พยายามครองบอลบุกขึ้นมาลุ้นประตูบ้าง นาทีที่ 36 ได้ลุ้นประตูจากฟรีคิก ฮาคิม ซิเยช เปิดหยดไปหน้าประตู แนวรับโครเอเชีย ยังโหม่งสกัดอแกหลังไปได้ โมร็อกโก ได้ลุ้นต่อจากเตะมุม ฮาคิม ซิเยช เปิดโด่งมากลางประตู แต่บอลก็ยังเลยหลุดเสาไกลออกหลังไป
เกมดูเหมือนจะจบครึ่งแรกไปด้วยผลเสมอ ทว่าก่อนเข้าสู่ช่วงทดเวลาเพียง 3 นาที แนวรับโมร็ฮกโก ไปเสียบอลหน้าเขตโทษ อิวาน เปริซิช ไปตัดบอลมาได้ ก่อนจะไหลต่อไปถึง มาร์โค ลิวายา แตะต่อออกทางซ้ายบอลไปถึง มิสลาฟ ออร์ซิช ได้บรรจงปั่นด้วยขวา บอลโค้งไปชนเสาไกลเข้าประตูไปโครเอเชีย ออกนำอีกครั้ง 2-1 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเริ่มเกมมาเพียงนาทีเดียว โครเอเชียครองบอลบุกขึ้นมาตรงกลาง มิสลาฟ ออร์ซิช ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนจะส่องไกล บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ยังไปแฉลบผู้เล่นโมร็อกโก ออกหลังไป
60 นาทีผ่าน โมร็อกโก ที่สกอร์ตามหลัง พยายามเร่งเกมบุกหวังทวงประตูคืน ขณะที่โครเอเชีย ถอยลงไปตั้งรับในแดนตัวเองแล้วรอจังหวะสวนกลับ แต่ยังไม่มีประตูเพิ่ม
จากนั้น74 โครเอเชีย ได้บุกขึ้นมา ยอสโก กวาร์ดิโอล พาบอลเข้าเขตโทษ ก่อนจะถูกผู้เล่นโมร็อกโกล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ชี้เป็นจุดโทษของโครเอเชีย
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+6 โมร็อกโก น่าจะได้ประตูตีเสมอ จากลูกโหท่งจ่อๆของ เซลิม อามัลลาห์ แต่กดไม่ลงบอลเหินข้ามคานออกหลังไป สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่ม ทำให้จบเกม โครเอเชีย เอาชนะ โมร็อกโก 2-1 แก้มือด้วยการคว้าอันดับที่ 3 มาครองได้สำเร็จ ขณะที่ โมร็อกโก จบทัวร์นาเมนต์ด้วยการคว้าอันดับที่ 4 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของขุนพล “สิงโตแอตลาส” อีกด้วย