โขม ก้องเกียรติ น้อยใจ ขุนพันธ์3 โรงฉายน้อย ปัดสร้างกระแส ห่วงหนังไทยกำลังแย่

Home » โขม ก้องเกียรติ น้อยใจ ขุนพันธ์3 โรงฉายน้อย ปัดสร้างกระแส ห่วงหนังไทยกำลังแย่


โขม ก้องเกียรติ น้อยใจ ขุนพันธ์3 โรงฉายน้อย ปัดสร้างกระแส ห่วงหนังไทยกำลังแย่

โขม ก้องเกียรติ น้อยใจ ขุนพันธ์3 โรงฉายน้อย ปัดสร้างกระแส ห่วงสถานการณ์หนังไทย กำลังแย่

จากกรณีที่ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาการจัดรอบฉายของภาพยนตร์ จนเกิดความไม่เป็นธรรมกับทางผู้สร้างภาพยนตร์ โดยมีข้อความว่า

“รู้สึกเป็นเกียรติมั้ยครับ รู้สึกชนะหรือเปล่า ภูมิใจใช่มั้ย เล่าให้ญาติหรือคนที่รักฟังแล้วรู้สึกดีจริงมั้ย เกมส์นี้มันห่วยและเสร่อมาก ในฐานะคนทำหนัง ผมเสียใจและอายแทนพวกคุณจริงๆ เราเดินลงจากเวทีคนละความรู้สึกแน่ๆ ขอยกวงการนี้ให้พวกคุณไปเลยครับ เดินหน้าก็ยากจะทำให้ถอยหลังทำไม อย่าอ้างเกมธุรกิจ #RIPหนังไทย”

พร้อมกับรูปภาพยนตร์ไทย 2 เรื่องประกบกัน โดยมีข้อความบนภาพว่า “ใครว่าเกมเล่นได้แค่การเมือง เมเจอร์ตัดราคาทิดน้อยลงฮวบ ปาดท่านขุนพันธ์” ในขณะที่สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ได้ออกจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ช่วยกันหาแนวทางการแก้ไขกับปัญหาการจัดรอบฉายไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อให้ภาพยนตร์ไทยได้รับโอกาสในการเข้าฉาย ตามที่เคยเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดวันที่ 20 มี.ค.66 โขม ก้องเกียรติ ได้มาร่วมพิธีบวงสรวงซีรีส์วาย The Promise สัญญาไม่ลืม ที่ ลานพระพิฆเนศ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าว รวมถึงถามความรู้สึกถึงการจัดอันดับเรตเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ ดังตัวอย่างหนังเรื่อง หุ่นพยนต์ ที่ถูกกองเซ็นเซอร์จัดอันดับไว้ที่ ฉ20- เป็นต้น

เรื่องที่โพสต์? “มันก็คือความรู้สึกน้อยใจ ผมก็แค่รู้สึกว่าคนเราเสียใจก็มีสิทธิ์ร้องไห้ มีสิทธิ์บ่นอะไรบางอย่าง แล้วก็ไม่ได้จะมาเรียกร้องความสนใจหรือทำมาเป็นดราม่า เพราะงานของเรามันเสร็จไปแล้ว ต่อให้ขายได้หรือขายไม่ได้ มันก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่เราทำมันมาเราก็อยากให้มันมีพื้นที่แค่นั้นแหละ”

“จริงๆ แล้ว 3 วันมานี้เราก็คุยกันอยู่กับสื่อ อยากให้สื่อไปคุยกับคนที่เขารับผิดชอบเรื่องนี้จริงๆ เพราะคุยกับผมมันก็ปลายทาง ในฐานะคนทำมันก็ได้เท่านี้แหละ กลัวว่าเดี๋ยวจะเข้าใจกันไปผิดๆ ว่าอยากจะทำให้มันเป็นดราม่าระหว่างหนังกับหนังหรือเปล่า หรือว่าผมกับโรงมีปัญหากันเหรอ มันไม่ใช่ จริงๆ ก็แค่ใครอยู่ตรงนี้ก็ทำ ก็จะบ่นแบบนี้แหละ แต่คนก็อาจจะตีความผิดไปเรื่อยๆ”

ขั้นตอนการเอาหนังเข้าฉาย มีเงื่อนไขยังไงบ้าง? “อันนี้ผมไม่ทราบเลย เพราะผู้กำกับไม่ได้มีสัดส่วนในเรื่องการเอาไปขายเพื่อฉายในโรงกี่วันๆ ไม่รู้เรื่องเลยครับ (ตอนนี้เราอยากให้เขาทำยังไงบ้าง?) คือมันเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวเราแล้ว สิ่งที่เราทำ หรือความรู้สึกของเราก็ทำไปแล้ว หลังจากนี้ก็คงให้ผู้ใหญ่ได้คุยกัน หารือกัน ทางโรงหนังกับทางสตูดิโอ ทางสหมงคลฯ ได้คุยกันว่าจะหาทางออกยังไงที่มันจะไม่เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก”

หลังจากที่มีข่าวออกไปก็ยังไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรเลยใช่ไหม? ไม่มีครับ โรงก็เหมือนเดิมครับ แต่เราก็อยู่ในจุดที่แล้วแต่แล้วกัน เราก็ทำเต็มที่แล้ว เรารู้สึกว่าหนังมันก็ทำงานของมันเต็มที่แล้ว วันนี้มันก็ 50 ล้านเท่าที่โรงมันมี ผมว่าขุนพันธ์ 3 ก็สู้แล้วแหละ ในฐานะคนทำงานคนนึงเราก็ไม่อาย ส่วนคนดูจะชอบไม่ชอบอันนี้มันรสนิยมส่วนตัวอยู่แล้ว”

ถ้ารอบหนังมากกว่านี้ หนังน่าจะไปได้ไกลกว่านี้? “เชื่อว่าอย่างนั้น ถ้ามีรอบฉายมากขึ้นมันก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะได้โชว์ จริงๆ ความรู้สึกผมหนังก็เหมือนลูกสาวผม แล้วไปคุยกับโรงเรียน โรงเรียนบอกว่าจะมีโชว์​ เราก็ซ้อมกันมาปีนึง ลูกสาวผมก็ตื่นเต้น แต่พอขึ้นโชว์จริงๆ ให้โชว์ 2 นาทีอย่าง มันก็แค่ความรู้สึกเหมือนพ่อคนนึงที่รักลูก ก็ได้แต่นั่งบ่น แต่ผมก็ไม่รู้จะไปบ่นใคร บ่นผอ.เหรอ บ่นโรงเรียนเหรอ บ่นค่าไฟ ค่าน้ำเหรอ อันนี้ไม่รู้”

ในกลุ่มผู้กำกับได้คุยกันถึงเรื่องนี้ไหม? “ก็คุยกันผ่านสมาคมฯ ครับ ทางสมาคมฯ​ เขายื่นหนังสือไป คือเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครมันก็ไม่ดี ไม่น่าจะมีใครแฮปปี้ ส่วนใหญ่คุยกันก็ให้กำลังใจกัน สู้ๆ นะ”

ความรู้สึกของเราเวลามีหนังเข้าฉาย แล้วโดนตัดรอบเป็นยังไง? “มันก็เสียใจนะ แต่ไม่ได้บั่นทอนนะ ผมทำหนังมา 20 กว่าเรื่องแล้ว เรื่องแบบนี้เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราก็ยังทำต่อไป อย่าง The Promise วันนี้ก็เป็นงานของบริษัท ก้องเกียรติ โปรดักชั่น ก็ยังผลิตงานอีกเยอะ คือหน้าที่คนทำก็ทำให้ดีที่สุด ทำให้คนดูรักเราที่สุด ทีนี้ส่วนธุรกิจก็เป็นเรื่องของธุรกิจให้เขาคุยกัน”

ได้มีการพูดคุยกับนักแสดงและทีมงานไหม? “คุยกันอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ให้กำลังใจกัน พร้อมจะลุยกัน ยังคิดถึงกัน เพราะหนังเรื่องนี้มันมีเมมโมรี่ ความรู้สึกดีๆ ของคนทำงาน เพราะมันเหนื่อยกันมา แล้วพอทุกคนเจอสถานการณ์อย่างนี้ก็รู้แหละว่าข้างในเขารู้สึกยังไง เรื่องนี้ไม่น่าห่วงหรอก น่าห่วงรุ่นเด็กๆ ที่จบฟิล์มมาใหม่ๆ ถ้ามาเจอสถานการณ์แบบนี้ อย่างที่บอกว่าถ้าบางทีรัฐบาลหรือคนที่เกี่ยวข้องก็อยากให้เขามาคุยกัน”

ถือเป็นเคสแรกของเราเลยไหม ถึงทำให้เฟล? “จริงๆ แล้วถ้ามันสัก 2 อาทิตย์แล้วออกจากโรงมันก็โอเค ผมทำหนังมา 20 กว่าเรื่อง ไม่เคยถูกดึงออกตั้งแต่อาทิตย์แรกนะ นี่กลางอาทิตย์ด้วย คือมันลดโรงลงไปแบบตกใจ ก็อย่างที่เราเห็นตามข่าวแหละครับ”

เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนไหม? “ไม่ครับ แต่เคยเห็นหนังบางเรื่องโดน มันก็เกิดการเอาไปเปรียบเทียบกัน แต่มันต่างกรรมต่างวาระ หนังเรื่องนี้มันมีทีท่าว่ากระแสดีไง แต่ทำไมมันถูกลด ลองคำนวนค่าเงินดูสิ ถ้าตั๋วใบละ 150 แล้วโรงครึ่งนึง เจ้าของครึ่งนึง แล้วคนดูขนาดนี้ มันก็ยังได้ตังค์นะ แต่ทำไมถึงลด ในแง่ธุรกิจก็คงต้องไปคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงลด”

มีการลดราคาลงด้วย? “เรื่องลดราคามันก็เป็นสิทธิ์ของเขาแหละ แต่พอมันมาชนกัน เศรษฐกิจแบบนี้คนก็ต้องเลือกของถูก คนดูก็ไม่ผิด แต่แค่พื้นที่ของเรามันถูกลดลงไปก็น่าเสียดาย”

คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้? “ใช่ คาดไม่ถึงเลยครับ ต้องไปหาว่าต้นตอมาจากไหนกันแน่ ที่โปรโมตว่าจะฉายบางภาค แล้วอยู่ดีๆ ก็ไม่ฉาย วันนั้นรู้ข่าวก็เลยค่อนข้างช็อก เสียใจแหละ เราก็ระบายในพื้นที่เราแค่นั้นเอง จริงๆ ไม่ได้มีปัญหากับหนัง แต่ฟีดแบ็กก็เข้ามาถล่มประมาณว่าเรามาเรียกร้องความสนใจ พยายามจะอธิบายไปว่ามันไม่ใช่ ไม่ได้มาขายหนัง ไม่ได้มาพีอาร์ แค่น้อยใจ ไม่ต้องสนใจก็ได้ ไม่เป็นไร”

กลายเป็นว่าดึงกระแสมาที่เรา? “ใช่ๆ เขาว่าผมออกมาพีอาร์หนัง คือมันคนละเรื่องกันเลยครับ คนละความรู้สึกกันเลย ไม่คุ้มเลย ให้พีอาร์เขาทำงานไป ผมไม่ต้องออกมานั่งทำแบบนี้หรอก มันไม่คุ้มด้วย มันไม่ใช่วิธีพีอาร์ที่ฉลาดสำหรับผมนะ (เราแค่ออกมาบ่นๆ ใช่ไหม?) “ใช่ แค่นั้น คือเรารักมันน่ะ เราก็แค่รู้สึก”

ในฐานะของผู้กำกับ พอทำหนังเสร็จ มีการโดนจัดเรตติ้งหนัง รู้สึกยังไง? ก็ต้องอยู่ที่ความเหมาะสมครับ คือเรตติ้งเนี่ยมันมีอยู่แล้วแหละ แต่มันเกินว่าเหตุไหม ให้หนังมันพิสูจน์แล้วกัน แต่เชื่อเถอะว่าสถานการณ์หนังไทยตอนนี้มันแย่แล้วล่ะ สมมติเราหวังจะไปพึ่งผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เอกชนก็แบบนึง ผู้ใหญ่ที่เป็นรัฐบาลก็เป็นอีกแบบ มองง่ายๆ ไม่ต้องลึกซึ้งอะไรเราก็ประเมินได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนทำหนังก็เหนื่อย”

อย่างเรื่อง หุ่นพยนต์ พอโดนจัดเรตติ้ง ก็ถูกเลื่อนฉายไม่มีกำหนด? “คือทุกคนที่ไปดูหนังก็พูดกันหมดว่ามันไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้น แต่อันนี้ก็เหมือนกัน ต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ ว่าทำไมคณะกรรมการเขาถึงคิดอย่างนั้น ต้องไปเอาคำตอบจากเขา”

เวลาจัดเรตมันมีผลกับตัวหนังมาก? “มันก็มีอยู่แล้วแหละ ถ้าโดน 20- โดยที่ทาร์เก็ตเป็นวัยรุ่น วัยรุ่นก็เข้าไปดูไม่ได้ หรือดูแล้วต้องตรวจบัตร มันก็น่าจะมีเอฟเฟ็กต์ตามมา”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ