แอนนี่ บรู๊ค รับไม่ได้ พฤติกรรม แม่น้องมาร์แตล วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าดูแล

Home » แอนนี่ บรู๊ค รับไม่ได้ พฤติกรรม แม่น้องมาร์แตล วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าดูแล



แอนนี่ บรู๊ค รับไม่ได้ พฤติกรรม แม่น้องมาร์แตล แนะควรแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว เผยเลิกติดตามนานแล้ว วอนหน่วยงานเข้าดูแล

จากกรณีที่ดาราสาวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แอนนี่ บรู๊ค โพสต์เดือด! ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นดราม่า คุณแม่น้องมาร์แตล ออกมาโพสต์คลิปชี้แจง หลังโพสต์คลิปวิดีโอแม่ลูกแสดงความรักต่อกัน โดยภาพบางช่วงที่น้องอ้อนแม่มีการจุ๊บปากกัน ทำเอาชาวเน็ตเกิดความไม่สบายใจ พร้อมลงความเห็นว่าไม่เหมาะสมสุดๆ

ล่าสุด ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ได้ติดต่อไปยัง สาวแอนนี่ เพื่อสอบถามถึงเจตนาที่ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าว โดยเจ้าตัวบอกว่า “ส่วนตัวเป็นคนที่รักลูกมาก รวมถึงมีมุมมองในเรื่องของแม่และเด็กมานานแล้ว เวลาเห็นเพื่อนๆ หรือใครทำอะไรที่พอจะตักเตือนกันได้ในเรื่องความสัมพันธ์ของแม่ลูกก็จะทำมาตลอด ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ดีที่สุด แต่ในฐานะที่ตัวเองเป็นคนที่คนรู้จัก อาจจะสามารถที่จะพอตักเตือนกันได้บ้างก็จะทำ”

ติดตามดูคลิปของแม่น้องมาร์แตลมานานแค่ไหน? “ปีกว่าแล้วค่ะ ตั้งแต่ในติ๊กต็อก ตอนแรกก็ชื่นชมเพราะมองว่ามันก็ดีเหมือนกันที่มีคนนำเคสของน้องที่เป็นเด็กพิเศษมาให้ดู บางทีมันก็เป็นอุทาหรณ์หรือเป็นวิทยาทานให้คนอื่นได้ดู อย่างตัวเองก็ไม่ได้บอกว่าเลี้ยงลูกดีที่สุด แต่อันไหนที่เราปรับปรุงแล้วลูกเราดีขึ้นก็เอามาทำเป็นคลิปให้คุณแม่ท่านอื่นได้ทราบ เผื่อจะได้ลองเอาไปทำตาม”

แล้วจุดไหนที่ทำให้รู้สึกว่าเริ่มไม่โอเคแล้ว? เริ่มทำคลิปบ่อยมากขึ้นเกี่ยวกับอารมณ์ของน้องที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น แล้วพอตักเตือนก็มักจะมีคำตอบมาว่า ต้องทำคลิปค่ะ ต้องให้ทุกคนรับทราบค่ะว่าแม่นี่อดทนแค่ไหนกับลูกที่เป็นแบบนี้ แล้วลูกก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง คือลูกมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นเนื่องจากลูกไปแอบดูทีวี แล้วซึ่งคำนี้มันซ้ำหลายครั้งแล้ว เรามองว่าแล้วทำไมไม่ตัดปัญหาที่ต้นตอ”

“ต้นตอคือทีวีใช่ไหม การแอบดูของน้องคือแอบดูช่วงไหนคุณต้องรู้สิ แล้วทำไมปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือพอมันเริ่มมีเคสซ้ำแบบนี้เรื่อยๆ เรามองว่ามันไม่ได้เกิดการแก้ปัญหา แต่กลับเป็นไปถ่ายหน้าน้อง ถ่ายอาการน้อง ถ่ายอารมณ์ของน้องแทน

ทุกครั้งที่เข้าไปเตือนก็จะโดนตอบกลับมาตลอดเหรอ? “ตอนแรกก็เหมือนแบบค่ะๆๆ คุณแม่จะนำไปปรับปรุงแก้ไข เสร็จแล้วพอหลายๆ ครั้งเข้าแม้แต่เราเองหรือคนดูเอง ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์รุนแรงของน้องเท่านั้น แต่บางครั้งเอาน้องมาไลฟ์ คือโลกไม่ได้ใจดีกับทุกคน พอมีคนมาทำให้น้องของขึ้นก็คืออารมณ์ไม่ดีนั่นแหละก็ควรจะหยุดเอาลูกมาไลฟ์

“แต่กลับบอกว่าการเอาน้องมาไลฟ์คือการทำให้น้องดีขึ้นในเชิงจิตวิทยา เราก็อยากบอกว่าได้ไปถามใครไหมว่าน้องดีขึ้นหรือเปล่า พอมีคนมาติติงว่าอย่าทำอย่างนี้ แม่ต้องพอได้แล้ว อีกคลิปหนึ่งเขาก็จะมาตอบคำถามซึ่งเป็นเหมือนการไถไปเรื่อยๆ”

ไม่ได้รู้จักกับแม่น้องมาร์แตลเป็นการส่วนตัว? “ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวค่ะ เราติดตามเขาเพราะอยากเห็นพัฒนาการของเด็กที่ดีขึ้น แต่ปรากฏสุดท้ายปลายทางจนวันนี้ ในที่สุดสิ่งที่เราไม่อยากจะให้เกิดมากที่สุดก็คือสิ่งที่เราได้เห็นในต่างประเทศ เช่น ลูกผู้หญิงถูกพ่อผู้ชายซึ่งใช้พฤติกรรมเดียวกันแบบนี้ อาจจะเป็นการจับหน้าอกหรือตับอวัยวะเพศ แต่เราไม่อยากจะเห็นในเมืองไทย”

“แต่พอเรามาเห็น แล้วแม่บอกว่าน้องยังเด็กอยู่สำหรับสายตาแม่ ใช่ค่ะสำหรับสายตาของแม่ทุกคนลูกจะแก่แค่ไหนก็ยังเป็นลูกของเรา แต่พฤติกรรมที่เราทำกับลูกต้องโตและพัฒนาไปพร้อมๆ กับร่างกาย สติปัญญา และความรู้สึกของเขา พอเราเห็นแบบนี้ก็รู้สึกรับไม่ได้ ถามว่าเป็นเรื่องของเราไหม ไม่ใช่เรื่องของเราหรอก แต่เราอยากให้สังคมเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้พ่อแม่ไม่ควรทำกับลูก”

การจูบปาก หรือว่าการกอดหอม หรือเห็นหนอนของน้องเห็นแล้วหัวเราะอะไรแบบนี้ ซึ่งมันไม่ควรที่จะถ่ายตรงนั้นออกมาลงในโซเชียลไหม เราเป็นผู้ปกครองบุตร เราควรที่จะเป็นคนแรกคนเดียวในโลกนี้ที่ต้องปกครองบุตรอย่างแบบ 100% เต็ม”

“แล้วการที่ไปจับส่วนใดส่วนหนึ่งของลูก เด็กธรรมดาหรือเด็กพิเศษก็ช่าง การกอดจูบลูบคลำแบบนี้ ซึ่งเด็กเขาโตแล้วถึงเขาจะไม่ได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด แต่เราไม่จำเป็นต้องเอาคลิปมาลงก็ได้ แล้วสิ่งที่มันเอะใจมากที่สุดก็คือเขาเหมือนป้ายความผิดให้ลูกว่า ขอลูกแล้วเอาลงได้ไหม เดี๋ยวนะ! วิจารณญาณอยู่ที่ใคร วิจารณญาณอยู่ที่เราใช่ไหมในเมื่อเขาเป็นเด็กพิเศษ วิจารณญาณอยู่ที่พ่อแม่นี่ คลิปไหนลงได้ คลิปไหนลงไม่ได้”

ลูกชายอ่ะค่ะถ้าเกิดว่าเขาเริ่มมีอารมณ์ทางเพศแล้ว เราไม่ควรทำให้มันเป็นเรื่องตลก แต่ให้เป็นเรื่องธรรมดาปกติ อยู่ในที่มิดชิดและมีเวลาให้เขาอยู่กับตัวเอง เพราะนี่คือธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่เราสามารถสอนในธรรมชาติของเขาให้เป็นระบบระเบียบและเป็นเวลา แล้วเขาจะรู้ว่าเวลาไหนที่เขาควรที่จะทำอะไรกับตัวเอง แล้วไม่จำเป็นต้องมาอธิบายให้ชาวบ้านฟังว่า วันนี้วันพระวันโกนห้ามทำนะ อื้อหือ! คือแบบจาระไนยิ่ง พักก่อนแม่!

ล่าสุดแม่น้องมาร์แตลออกมาโพสต์ หลายคนคิดว่าเขาหมายถึงเราหรือเปล่า? “ยังไม่เห็นค่ะ เห็นไหมล่ะ เห็นพฤติกรรมหรือยัง นี่ไงคะความที่เขาไม่เปิดใจฟังใคร ขนาดเราเป็นบุคคลสาธารณะมีความปรารถนาดีที่จะพูด เขาก็ยังไม่ฟัง ยินดีที่จะแขวะ แล้วพร้อมที่จะไฝว้กลับ พร้อมที่จะฟาดกลับ บอกว่าให้ลูกลองมาเป็นออทิสติกดูแล้วจะเข้าใจจะรู้สึกว่ามันเป็นยังไง”

“ขอโทษนะคะเคยเห็นคุณพ่อคุณแม่ในติ๊กต็อกอย่าเอาแต่แค่ออทิสติกเลย น้องๆ บางคนเป็นมากกว่านี้อีกเยอะ บกพร่องทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นทั้งสมาธิสั้นเป็นทั้งออทิสติก แต่ทำไมเขาใช้ความอ่อนโยนนุ่มนวล การเลี้ยงลูกที่เป็นวิทยาทานให้คนดูจริงๆ ไม่ใช่เคสแค่คุณแม่คนเดียวนะคะ เคสคนอื่นเขาหนักกว่าคุณแม่อีก”

“แล้วคุณแม่รู้ได้อย่างไรว่าแอนผ่านอะไรมาบ้าง แอนเลี้ยงลูกแอนไม่ดีอย่างไร คุณแม่ไม่ได้มาติดตามดูชีวิตของแอนตั้งแต่เริ่มต้นของการเลี้ยงลูกจนถึงทุกวันนี้ อยากจะบอกว่าน้องทีกว่าจะมาเป็นทีฆายุได้วันนี้สมาธิสั้นมาก่อนนะคะ กว่าลูกแอนจะนิ่ง ทีผ่านอะไรมาเยอะ แล้วกินยาแล้วด้วย จนแอนบอกว่าไม่ต้องกิน แม่จะรักษาด้วยความรักของแม่เอง”

“แล้วสุดท้ายวันนี้มันก็เกิดขึ้น น้องเรียนหนังสือดีเรียนหนังสือเก่ง ไม่มีอาการสมาธิสั้น ไม่ต้องไปหาหมอ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราจะว่าใคร เรายังไม่รู้เลยว่าเขาเจออะไรมาบ้าง อย่าบอกว่าออทิสติกเนี่ยลองมาเป็นดูสิ ทุกโรคมันไม่ควรที่จะเป็นทั้งนั้นแหละ เด็กก็ไม่ควรที่จะเป็นค่ะ แต่ในเมื่อเด็กเขาเป็นแล้วเราต้องหาวิธีแก้ ไม่ใช่หาวิธีแก้ตัว แต่หาวิธีแก้ไขให้ลูกเราดีขึ้น”

“แอนบอกแล้วว่าแอนไม่ใช่แม่ที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยๆ แอนก็ผ่านอะไรมาเยอะมากพอและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนลูกดีขึ้น ไม่ต้องมานั่งกินยา เอาง่ายๆ นะคะ เราไม่จำเป็นที่จะต้องถ่ายคลิปลูกที่แบบไม่ปกติลงโซเชียลเพราะเขาเป็นเยาวชน”

ยังติดตามดูอยู่ไหม? “จริงๆ ไม่ติดตามดูมานานแล้วค่ะ บล็อกไปเลยเพราะว่าทนไม่ได้รับไม่ได้ คนเป็นแม่ที่เห็นคนเป็นแม่ด้วยกันมีความรู้สึกว่าเหมือนขยี้ในสิ่งที่ลูกเป็น แต่ไม่ได้ทำให้ลูกหาย เมื่อบล็อกแล้วก็คิดว่าไม่ได้ดูมานานเกินกว่า 6 เดือนแล้วค่ะ ทำใจไปแล้วเพราะรู้ว่าเราไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขาไม่ฟังใครเลย จนสุดท้ายที่บอกว่าสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดและสิ่งที่ไม่อยากให้เห็นในสังคมไทยมากที่สุด แล้วมันได้เกิดขึ้นแล้วก็คือภาพอย่างนี้”

เราก็เลยมองว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย คือสังคมต้องช่วยด้วยแล้วอ่ะ ไม่ได้ช่วยกันไปรุมประณามแม่เขานะคะ หรือว่าไปรุมดูหมิ่นเกลียดชังเขา แต่หน่วยงานไหนก็ได้ที่เกี่ยวกับสิทธิของเด็กโดยตรง อยากให้เข้าไปดูหน่อยว่ามันสมควรหรือยัง พอได้หรือยังที่คุณแม่จะเลิกทำอย่างนี้กับบุตรของตัวเอง เข้าใจค่ะแม่เลี้ยงลูกไม่เหมือนกันในโลกใบนี้ การแสดงออกไม่เหมือนกัน แต่การแสดงออกแบบนี้ออกสู่สาธารณชนควรมีหน่วยงานเข้าไปดูแลได้แล้วไหม

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ