แห่รอดูหน้า! สาวตุ๋นลงทุนขายผัก เพื่อน-ญาติยังไม่รอด สูญกว่า 10 ล้าน หลังเข้ามอบตัว

Home » แห่รอดูหน้า! สาวตุ๋นลงทุนขายผัก เพื่อน-ญาติยังไม่รอด สูญกว่า 10 ล้าน หลังเข้ามอบตัว



แห่รอดูหน้า! สาวตุ๋นลงทุนขายผัก เพื่อน-ญาติยังไม่รอด สูญกว่า 10 ล้าน หลังเข้ามอบตัว

วันที่ 15 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านใน ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ กว่า 10 คน พากันเดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่ สภ.ลำดวน หลังถูก น.ส.วรรณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี หลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งขายผักตามห้างดังในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ โดยจูงใจว่าจะให้ผลตอบแทน 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินที่ร่วมลงทุน โดยที่ไม่ต้องทำอะไรแค่นำเงินมาร่วมลงทุน แล้ว น.ส.วรรณา จะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า น.ส.วรรณา ได้นำเงินไปหมุนเวียนทำธุรกิจส่งออกผักตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ แต่สุดท้ายก็สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท

หลังจากเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และตั้งใจจะมาดูหน้าและทวงถามเงินจาก น.ส.วรรณา หลังทราบข่าวว่าได้ถูกออกหมายจับ และจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้

ซึ่งทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่เชื่อใจนำเงินไปร่วมลงทุนกับ น.ส.วรรณา เพราะเห็นว่าเป็นคนในตำบลเดียวกัน บางคนก็เป็นญาติพี่น้อง และเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ที่สำคัญเป็นคนโปรไฟล์ดี พูดจาน่าเชื่อถือ และยังเคยเป็นถึงผู้จัดการโรงแรมดังแห่งหนึ่งที่ จ.ระยอง ไม่คิดว่าจะมาหลอกกันได้ลงคอ ซึ่งผู้เสียหายได้พากันเดินทางมาเฝ้ารอ น.ส.วรรณา ตั้งแต่เช้า

กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. น.ส.วรรณา ถึงได้เดินทางมาพบและรับทราบข้อกล่าวหากับ ร.ต.อ.ชาคริต นิสัยรัมย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลำดวน เจ้าของคดี ตามหมายจับศาลจ.บุรีรัมย์ คดีอาญาที่ 72/2565 ฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชม. เบื้องต้น น.ส.วรรณา ให้การปฏิเสธ แต่พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายหลายคน และมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง จึงได้ทำบันทึกจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และควบคุมตัวไว้ที่โรงพัก และจะนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ส่วนจะมีการยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลและศาลจะให้ประกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

นางมิตรา อายุ 33 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ตนเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนประถมด้วยกันกับ น.ส.วรรณา โดยเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา น.ส.วรรณา ได้มาชักชวนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งผักขายทั้งในและต่างประเทศ โดยบอกว่าจะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด แค่นำเงินมาร่วมลงทุนเท่านั้น หากขายผักได้กำไรก็จะได้ผลตอบแทน 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินที่ร่วมลงทุน จึงหลงเชื่อโอนเงินไป 200,000 บาท ซึ่งช่วง 3 – 4 เดือนแรก น.ส.วรรณา ก็โอนเงินผลตอบแทนมาให้จริง 10 เปอร์เซ็นต์ คือเดือนละ 20,000 บาท

ตนเห็นว่าได้ผลตอบแทนจริง จึงมีญาติพี่น้องนำเงินมาร่วมลงทุนด้วยรวมเป็น 300,000 บาท แต่พอช่วงเดือน ก.พ.65 ก็เริ่มไม่ได้ผลตอบแทน โดย น.ส.วรรณา อ้างว่าขาดทุนเพราะผักราคาแพง จนระยะหลังก็ติดต่อไม่ได้ กระทั่งมารู้ว่ามีคนถูกหลอกร่วมลงทุนอีกหลายคน ตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท ก็ไม่ได้เงินเหมือนกันและก็ติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกก็ได้พากันมาแจ้งความ

ขณะที่ น.ส.ภลดา อายุ 49 ปี ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ที่ตัดสินใจนำเงินเก็บและไปกู้ยืมมาร่วมลงทุน เพราะเห็นว่าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ไม่น่าจะหลอก ทั้งเงินตนและญาติพี่น้องก็รวบรวมเงินกันมาร่วมทุนกับ น.ส.วรรณา ตอนแรกก็หลักแสนพอเห็นว่าได้ผลตอบแทนก็เพิ่มวงเงินเป็นหลักล้าน แต่พอคนเริ่มเยอะยอดเงินสูงขึ้น ก็เริ่มจะไม่ได้เงินตอบแทนตามที่รับปากกระทั่งหายไปติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกรวมแล้ว ทั้งตนและญาติพี่น้องที่หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนรวมกว่า 3 ล้านบาท ยอมรับว่าเดือดร้อนมาก เพราะบางส่วนก็ไปกู้ยืมเขามาต้องหาเงินไปใช้ดอกอีก อยากจะได้เงินคืน แต่หากไม่ได้คืนก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ