วันที่ 13 มี.ค. เดลีเมล รายงานแหล่งข่าวกรองที่อ้างว่า นายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กำลังป่วยด้วยความผิดปกติทางสมองที่เกิดจากสมองเสื่อม พาร์กินสัน หรือภาวะก้าวร้าว (roid rage) ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้สเตียรอยด์รักษามะเร็ง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในพันธมิตรข่าวกรองไฟฟ์ อายส์ ประกอบด้วย 5 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย เชื่อมีคำอธิบายทางจิตวิทยาที่นายปูตินตัดสินใจรุกรานยูเครนซึ่งเรียกเสียงประณามทั่วโลก
ชุมชนข่าวกรองกำลังแบ่งปันรายงานจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมไม่แน่นอนมากขึ้นของนายปูติน อายุ 69 ปี รวมถึงวิดีโอล่าสุดที่เผยนายปูตินมีอาการบวม และเว้นระยะห่างจากผู้นำต่างประเทศที่มาเยือนทำเนียบประธานาธิบดี
แหล่งข่าวความมั่นคงระบุว่า มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในการตัดสินใจของนายปูตินในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คนรอบข้างเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในความสอดคล้องและความชัดเจนของสิ่งที่นายปูตินพูดออกมา และวิธีการที่นายปูตินรับรู้โลกจากคนรอบตัวเอง
แหล่งข่าวระบุว่า ความล้มเหลวในการคิดอย่างชัดเจนนี้ประกอบขึ้นจากการขาดการได้รับข้อมูลเชิงลบ (negative feedback loop) โดยนายปูตินแค่ไม่ได้รับการบรรยายสรุปเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ ของความล้มเหลวจากการรุกรานยูเครน
แหล่งข่าวกรองอ้างว่า นายปูตินอาจกำลังป่วยด้วยสมองเสื่อม พาร์กินสัน หรือภาวะก้าวร้าว ซึ่งเป็นผลมาจากการรักษามะเร็งด้วยสเตียรอยด์
มีรายงานว่า นายปูตินสั่งให้นายเซียร์เกย์ เบเซดา หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของสำนักงานความมั่นคงกลางรัสเซีย (เอฟเอสบี) และนายอนาโตลี โบลูยฮ์ รองหัวหน้า ถูกกักบริเวณภายในบ้าน หลังไม่พอใจทั้งสองที่มีความบกพร่องข่าวกรองจนกองกำลังรัสเซียพ่ายแพ้หลายครั้งในยูเครน
ข้อมูลข่าวกรอง ซึ่งน่าจะถูกส่งผ่านบุคคลสำคัญทางการเมืองของอังกฤษแล้ว ชี้ว่า นายปูตินประสบปัญหาจิตใจเสื่อมถอยจากปัจจัยทางสรีรวิทยา ขณะเดียวกัน มีการพัฒนาทฤษฎีที่ว่า นายปูตินกำลังทุกข์ทรมานจากภาวะสมอง เช่น พาร์กินสัน หรือภาวะสมองเสื่อมในรูปแบบทั่วไป หรือว่านายปูตินเป็นมะเร็ง และวิธีการรักษามะเร็งที่นายปูตินได้รับไปเปลี่ยนความสมดุลของจิตใจของนายปูติน
ทฤษฎีล่าสุดที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษพิจารณาเป็นทฤษฎีที่สามารถเชื่อถือได้คือว่า การเสื่อมถอยทางจิตใจเป็นผลมาจากภาวะก้าวร้าว ซึ่งเกิดจากการใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
แหล่งข่าวอ้างว่า การที่นายปูตินตัดสินใจออกห่างจากแขกผู้มาเยือน เป็นสัญญาณความเป็นไปได้ว่านายปูตินจะมีโรคที่เป็นร่วม (co-morbidities) ซึ่งเป็นภาวะทางการแพทย์ร้ายแรงอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หรือการใช้สเตียรอยด์ซึ่งเป็นยากดภูมิคุ้มกัน ทำให้นายปูตินมีโอกาสติดเชื้อได้
นอกจากนี้ นายปูตินปรากฏตัวด้วยอาการบวมรอบใบหน้าและคอมากขึ้นเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งอาจเป็นผลข้างเคียงของสเตียรอยด์กับ “การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรม”
เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสคนหนึ่ง ซึ่งติดตามนายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่ไปเยือนรัสเซียเพื่อเจรจากับนายปูตินไม่นานนี้ บอกว่านายปูตินไม่เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนที่นายมาครงพบ