แรงงานหนุ่มอุดรฯ เป็นทหารเก่า เล่านาทีต่อสู้ฮามาสมือเปล่า พลาดถูกแทงคอแต่รอดตาย

Home » แรงงานหนุ่มอุดรฯ เป็นทหารเก่า เล่านาทีต่อสู้ฮามาสมือเปล่า พลาดถูกแทงคอแต่รอดตาย
แรงงานหนุ่มอุดรฯ เป็นทหารเก่า เล่านาทีต่อสู้ฮามาสมือเปล่า พลาดถูกแทงคอแต่รอดตาย

แรงงานหนุ่มอุดรทหารเก่า เล่านาทีต่อสู้ฮามาสด้วยมือเปล่า ยื้ออยู่ 1 ชม. พลาดท่าถูกแทงคอแต่รอดตาย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 2 บ้านสระคุ ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านนายวิทวัส กุลวงศ์ หรือแจ็ค อายุ 34 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งรอดจากการถูกปาดคอ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส  และครอบครัวติดต่อได้แล้ว โดย น.ส.วาสนา พิมพ์สุวรรณ อายุ 27 ปี และด.ญ.กัลยรัตน์  อายุ 5 ขวบ ภรรยาและลูกสาวนายวิทวัส นั่งอยู่หน้าบ้าน โดยมีญาติและเพื่อนบ้านมาถามไถ่เรื่องราวและแสดงความยินดี โดยมีนายวิทวัส หรือแจ็ค วิดีโอคอลมาพูดคุย

โดยนายวิทวัส เล่าว่า ขณะกำลังเดินอยู่ในฟาร์ม เพื่อตรวจดูว่ามีไก่งวงตายหรือไม่ ก็มีการยิงเข้ามา และมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในฟาร์ม จึงเข้าไปหลบซ่อนตัว 2-3 ชม. เมื่อกองกำลังออกไปแล้ว จึงได้ออกมาจากที่ซ่อน เข้ามาในฟาร์ม ได้มีกองกำลังเข้ามาอีก และมาพบตนซึ่งกองกำลังได้ใช้มีดพยายามฆ่าปาดคอตน แต่ตนต่อสู้ สู้กันประมาณ 1 ชม. ตนถูกแทงคอ แทงหลัง และแทงหน้าผาก เลือดไหลออกมาก จนตนหมดสติ เขาคงคิดว่าตนตายแล้ว จึงหยิบเอาโทรศัพท์ตนไปด้วย ประมาณ 1 ชั่วโมงตนฟื้นขึ้นมา จึงเดินกลับไปที่แคมป์คนงาน เพื่อนคนงาน นายจ้างแจ้งทหารอิสราเอลนำตนส่งโรงพยาบาล 3 วัน ออกจาก รพ.จึงติดต่อกลับมาบ้านหาภรรยาและลูก ซึ่งถือว่าตนโชคดีที่รอดชีวิต แต่ไม่อยากอยู่แล้ว อยากจะกลับบ้าน และไม่ขอกลับมาทำงานที่อิสราเอลอีก

นายวิทวัส เผยว่า ตนเองเคยเป็นทหารอยู่ที่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงถนนแจ้งวัฒนะ โดยได้เข้าประจำการในปี 2553 และปลดประจำการในปี 2554

ส่วน น.ส.วาสนา เล่าว่า ตนแต่งงานกับนายวิทวัส มีลูกด้วยกัน 1 คน นายวิทวัส เดินทางไปทำงานเกษตร ที่ฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอล สัญญา 5 ปี 3 เดือน ทำงานได้ 4 ปี ไม่กลับมาพัก ได้เงินเดือน 4-5 หมื่นบาท โดยยืมเงินจากนายทุนนอกระบบ 1 แสนบาท โดยจัดหางานเป็นคนส่งไปถูกต้องตามกฎหมาย โดย 2 ปีแรกทำงานในสวนมะเขือเทศ 2 ปีหลังทำงานในฟาร์มไก่งวง จะส่งเงินกลับมาให้ตนซื้อรถปิกอัพ 1 คัน และซื้ออุปกรณ์เตรียมสร้างบ้านไว้แล้ว

ก่อนเกิดเหตุเป็นวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม ซึ่งจะเป็นวันหยุดของสามี แต่สามีจะขับรถไถออกจากแคมป์ที่พัก ไปที่ฟาร์มไก่ เพื่อเก็บไก่ที่ตายออกมา ขณะเดินอยู่ในฟาร์มไก่ และไลฟ์สดในเฟซบุกให้ตนดูด้วย ต่อมาฝั่งปาเลสไตน์ก็มีการยิงข้ามมา ซึ่งสามีก็บอกว่ามีการยิงกันแล้ว แต่ครั้งนี้ยิงหนักมาก แถมมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในฟาร์มด้วย ซึ่งสามีก็ไปหลบซ่อนตัว 2-3 ชม.และห้ามตนโทรไปหา เพราะเกรงว่ากลุ่มฮามาสจะได้ยิน ตนก็ไม่โทร แต่พอได้ดูคลิปยิงแรงงานไทยตายในแคมป์ ก็ยิ่งห่วงสามีมากขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนก็พยายามทักแชทกับเพื่อนร่วมงานสามี เย็นวันเดียวกันก็ทักแชทเพื่อนร่วมงานได้ เพื่อนบอกว่าสามีตนอยู่ในห้อง บาดเจ็บเล็กน้อย นายจ้างติดต่อทหารอิสราเอลมารับไปส่งโรงพยาบาลแล้ว

น.ส.วาสนา เล่าต่อว่า  หลังทราบว่าสามีได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลแล้ว ตนก็รู้สึกดีใจ แต่ไม่สามารถติดต่อกับสามีได้ ก็ได้แชทสอบถามอาการกับเพื่อนคนงาน  ส่วนตนและครอบครัวก็ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที่เพื่อให้สามีปลอดภัย สามีออกจากที่โรงพยาบาลวันที่ 11 ตุลาคม ลูกชายนายจ้างได้ให้ใช้โทรศัพท์วีดีโอคอลมาหาตน และได้พูดคุยกัน ก็รู้สึกดีใจ แต่พอเพื่อสามีส่งภาพตอนสามีโดนแทงได้รับบาดเจ็บมาให้ดู ตนถึงกับร้องไห้ มันน่ากลัวมาก สามีรอดชีวิตมาได้อย่างไร  สามีกลับมาบ้านแล้ว ก็จะไม่ให้กลับไปอีก

 นางคำศรี พิมพ์สุวรรณ 66 ปี แม่ยาย เล่าว่า ได้กู้หนี้สินส่งลูกเขยไปทำงานประเทศอิสราเอล เพราะตนยกที่ดินให้ลูกสาว ซึ่งลูกเขยอยากสร้างบ้าน จึงเดินทางไปทำงานหาเงินสร้างบ้าน ลูกเขยส่งเงินมาก็ทยอยซื้ออุปกรณ์สร้างบ้านเก็บสะสมไว้  แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เห็นภาพโดนแทงเลือดเต็มตัว ตนรู้สึกสงสารลูกเขยมาก กลับมาแล้วก็จะไม่ให้ไปอีก ทำมาหากินอยู่เมืองไทยบ้านเราดีกว่า

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ