เมื่อลูกถึงวัยเรียน พ่อแม่มีความกังวลเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า หากไม่ให้ลูกไปโรงเรียนก็กลัวลูกไม่ได้เสริมพัฒนาการณ์อื่นๆ แต่ถ้าไปโรงเรียนก็กลัวลูกเป็นอันตรายเมื่ออยู่นอกสายตา
เมื่อเร็วๆ นี้บนโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีน มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ความรุนแรงในโรงเรียนอนุบาลเอกชนชื่อดังในเมืองเสียนหยาง มณฑลส่านซี ประเทศจีน กลุ่มผู้ปกครองออกมาประณามครูและผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ว่า “ไร้สำนึก” หลังจากได้รับรู้ความจริงทีรับไม่ได้
ผู้ปกครองคนหนึ่งกล่าวว่า พวกเขารวมตัวกันและขอให้โรงเรียนเปิดภาพจากกล้องวงจรปิด แต่กลับได้ดูเพียงช่วงที่ไปส่งเด็กตอนเช้าเท่านั้น แต่ช่วงเวลาที่เด็กๆ อยู่ในชั้นเรียนและเวลางีบหลับ กลับถูกลบไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากสอบถามครูและครูใหญ่ กลุ่มผู้ปกครองได้รับคำตอบว่าไม่สามารถแสดงให้ผู้ปกครองเห็นได้ เนื่องจากต้องรับรองความเป็นส่วนตัวของนักเรียนและครูในโรงเรียน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ผู้ปกครองกลุ่มนี้พากันไปโรงเรียนเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เป็นเพราะพวกเขาสังเกตว่าลูกๆ ท่าทางที่ผิดปกติอย่างมากหลังกลับจากโรงเรียน มักจะสะดุ้งเวลานอน ร้องโวยวาย และกลัวเวลาต้องงีบหลับ เด็กบางคนถึงกับกัดเล็บจนเลือดออก หรือกัดผ้าห่มตอนหลับ
“ลูกฉันไม่ค่อยกัดเล็บ แต่ระยะหลัง ๆ นี้เขาเอามือปิดปากกัดเล็บจนเลือดออกอยู่เรื่อยๆ ฉันรู้สึกว่ามันกลัวและน่ากังวลเกินไป…”
ผู้ปกครองอีกหลายคนยังบ่นในกลุ่มสนทนา ว่าลูกของตนถูกรังแกเมื่อไปโรงเรียน มีบาดแผลที่ศีรษะและแขนขาจากการใช้ไม้บรรทัดหรือไม้ เด็กบางคนมีอาการซึม ไม่พูดคุยกับผู้ปกครองเหมือนปกติ
ดังนั้น ผู้ปกครองจึงได้ตั้งกลุ่มแชทแยกต่างหากเพื่อเฝ้าติดตามดูสถานการณ์ด้วยกัน สิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้นเมื่อผู้ปกครองสุ่มตรวจดูกล้องตอนเที่ยง และค้นพบพฤติกรรมที่รับไม่ได้ของคุณครู
ในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่า เด็กประมาณ 30 คนกำลังนอนห่มผ้างีบหลับในห้องเรียน ในขณะที่ครูสองคนถือไม้บรรทัดขนาดใหญ่เดินวนตรวจตราพวกเขา เมื่อเห็นเด็กยกมือขึ้นจากผ้าห่มหรือเงยหน้าขึ้นมามอง ครูก็จะใช้ไม้บรรทัดตีศีรษะถึง 6 ครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น ครูประจำชั้นยังตะโกนเสียงดังขู่ว่า เด็กที่ไม่งีบหลับจะถูกจับไปไว้ที่มุมห้อง และถูกตีก้นเพื่อเป็นตัวอย่าง
พ่อแม่บางคนบอกด้วยว่า ลูกเล่าว่าครูจะปล่อยให้นักเรียนสองคนตบตีกัน เพื่อลงโทษที่พวกเขาคุยกันในชั้นเรียน ก่อนที่สุดท้ายนักเรียนคู่นั้นจะได้รับรางวัลเป็นขนม แลกกับห้ามนำเรื่องไปบอกพ่อแม่เมื่อกลับบ้าน
ข้อมูลนี้จุดประกายความโกรธของผู้ปกครอง และถูกแพร่กระจายไปทั่วโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในวันต่อมา การประชุมระหว่างกลุ่มผู้ปกครองและโรงเรียนก็จัดขึ้นทันที โดยครูใหญ่โรงเรียนขอโทษสำหรับการจัดการที่หละหลวม และครูประจำชั้นสองคนนั้นจะถูกสั่งพักงาน
ผู้ปกครองรายหนึ่งปรับทุกข์ว่า “ฉันสบายใจที่จะส่งลูกไปโรงเรียน แต่ครูประจำชั้น ซึ่งเด็กๆ คิดว่าเป็นแม่คนที่สอง กลับทุบตีเด็กๆ อย่างโหดเหี้ยม หากเราไม่สามารถดูกล้องวงจรปิดได้ เราก็จะไม่รู้เลยว่าลูกของเราจะถูกทุบตี เรื่องนี้จะกระทบกระเทือนจิตใจของเด็กๆ ไปตลอด”
ด้วยความมั่นใจในการส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลเอกชนที่มีค่าเล่าเรียนแพง ในสภาพแวดล้อมที่ดี รูปแบบการเรียนการสอนที่มีชื่อเสียง ผู้ปกครองจึงไม่ได้คาดหวังให้ลูกๆ ของตนถูกปฏิบัติด้วยความรุนแรงเช่นนี้