ลูกไป รร.ฉี่รดผ้าประจำ แม่เปิดกล้องแล้วเดือด สงสารเด็กๆ สุดอั้นเพราะครูเมิน ไม่พาไปส่งห้องน้ำ
เมื่อลูกเข้าสู่วัยเรียน ผู้ปกครองจะให้ความสำคัญกับการเลือกโรงเรียนที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับบุตรหลาน แม้ว่าค่าเล่าเรียนจะมีราคาแพงก็ตาม เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพการศึกษาอย่างเต็มที่เสมอ และเชื่อว่าครูในโรงเรียนดังกล่าวสามารถช่วยให้บุตรหลานของตนพัฒนาได้อย่างครอบคลุมและมีสุขภาพดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วในระหว่างที่เด็กเรียนและใช้ชีวิตในโรงเรียน อาจจะเกิดปัญหามากมายที่ไม่เป็นไปตามที่ผู้ปกครองคาดหวัง แม้ว่าจะปัญหาเหล่านั้นมาจากครูเองก็ตาม ดังเช่นเรื่องราวล่าสุดที่คุณแม่ชาวจีนแชร์ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค และดึงดูดความสนใจของผู้ปกครองที่มีลูกในวัยได้อย่างมาก
คุณแม่เล่าว่าลูกชายอายุ 4 ขวบ เป็นเด็กที่กระตือรือร้นและคล่องแคล่วมาก มีความรู้สึกเป็นอิสระมาตั้งแต่เด็ก โดยรู้วิธีดูแลความต้องการของตัวเองโดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ เช่น การอาบน้ำแต่งตัว ความสามารถในการแสดงออกของเด็กชายก็ดีมากเช่นกัน ดังนั้น เธอและสามีจึงมั่นใจว่าลูกสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในโรงเรียนอนุบาลได้
โดยโรงเรียนอนุบาลดังกล่าว เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี และมีชื่อเสียงเป็นอันดับสองในเมือง นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ติดตามเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถสังเกตสถานการณ์ของบุตรหลานที่โรงเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา นั่นเป็นข้อดีอย่างมากที่ทำให้ผู้ปกครองหลายคนไว้วางใจและส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่
ในช่วงวันแรกที่ลูกไปโรงเรียนอนุบาล พ่อแม่ทุกคนจะรู้สึกกังวลและกระสับกระส่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเธอเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ทุกๆ วันจะเช็คกล้องวงจรปิด และเห็นว่าครูดูแลลูกเป็นอย่างดีจึงรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเธอกลับไปทำงานก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาติดตามชีวิตของลูกชายที่โรงเรียน เพียงชั่วพริบตา เด็กชายก็เข้าโรงเรียนอนุบาลได้กว่า 2 เดือนแล้ว แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มักจะฉี่รดกางเกง ทำให้เธอรู้สึกเกรงใจครูมากๆ
สุดท้ายเธอลองถามลูกชายถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมสอนว่าควรบอกครูถ้ารู้สึกปวดฉี่ อย่างไรก็ดี เมื่อลูกชายได้ยินดังนั้นก็แสดงออกชัดเจนถึงความคับข้องใจ และบอกว่าเขาได้บอกครูหลายครั้งแล้ว แต่ครูเพิกเฉยต่อเขาและไม่สนใจเลย หลังจากได้ยินลูกชายพูดแบบนั้น เธอก็เกิดความสงสัย หรืออาจเป็นเพราะกลัวพ่อแม่ดุจึงอ้างว่าครูไม่สนใจ
เพื่อค้นหาความจริง เธอจึงใช้เวลาระหว่างพักทำงานแต่ละครั้งเพื่อติดตาม “การเคลื่อนไหว” ของลูกชายในโรงเรียนอนุบาลผ่านกล้องวงจรปิดในโทรศัพท์ของเธอ หลังจากดูได้ไม่กี่วันเธอก็ค้นพบปัญหาจริงๆ ปรากฎว่าลูกชายไม่ได้โกหก เป็นเรื่องจริงที่ลูกชายและเด็กคนอื่นๆ แจ้งให้ครูทราบเมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ แต่พวกเธอมัวแต่พูดคุยกัน หรือจดจ้องที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง สุดท้ายเด็กๆ ก็อดทนไม่ไหว และฉี่รดกางเกงตัวเอง
ด้วยความโกรธจากทัศนคติที่ไม่เป็นมืออาชีพของครู วันรุ่งขึ้นเธอและสามีจึงไปพบครูใหญ่ เพื่อร้องเรียนเรื่องในชั้นเรียนของลูกชาย หลังจากตรวจสอบเหตุการณ์อย่างรอบคอบแล้ว ครูใหญ่เองก็มองว่าพฤติกรรมของครูไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง จึงตักเตือนและออกกฎระเบียบที่เข้มงวด ในอนาคตครูจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือในเวลาทำงาน
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือครูแสดงความไม่พอใจ โดยบอกว่าลูกชายของเธอปฏิเสธที่จะปัสสาวะในเวลาเดียวกันกับที่เด็กๆ ถูกพาไปเข้าห้องน้ำในเวลาที่กำหนด ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้จึงเกิดขึ้น อีกทั้ง ด้วยวิธีที่เธอเลือกใช้ในการแก้ปัญหา ก็ถูกพ่อแม่บางคนวิจารณ์ว่า “ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่” ในขณะที่คนอื่นๆ คิดว่าเธอและสามีทำถูกต้องแล้ว
อันที่จริง ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้ปกครองจะไม่สามารถซ่อนความกังวลเกี่ยวกับลูกเล็กๆ ของตนได้ เมื่อตัดสินใจส่งบุตรหลานไปโรงเรียน พวกเขาให้ความไว้วางใจและคาดหวังว่าบุตรหลานจะได้รับสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่มีคุณภาพดีที่สุดเพื่อพัฒนา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก