แม่วีนถึง ผอ. ลูกฟ้องไม่ได้กิน "เค้ก" คนเดียว แต่รู้เหตุผลหน้าชา ที่แท้ครู "ช่วยชีวิต" ไว้!

Home » แม่วีนถึง ผอ. ลูกฟ้องไม่ได้กิน "เค้ก" คนเดียว แต่รู้เหตุผลหน้าชา ที่แท้ครู "ช่วยชีวิต" ไว้!
แม่วีนถึง ผอ. ลูกฟ้องไม่ได้กิน "เค้ก" คนเดียว แต่รู้เหตุผลหน้าชา ที่แท้ครู "ช่วยชีวิต" ไว้!

 ไปรับลูกชายที่ รร.อนุบาล ฟ้องไม่ได้กิน “เค้ก” อยู่คนเดียว แม่วีนเดือดถึงห้องครูใหญ่ แต่รู้เหตุผลอายหน้าชา ที่แท้ครู “ช่วยชีวิต” ไว้!

ลูกเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าสำหรับพ่อแม่ แต่การเติบโตของเด็กไม่ได้จำกัดอยู่เพียงครอบครัวเท่านั้น ดังนั้น เมื่อถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนอนุบาล ผู้ปกครองมักเกิดความกังวลต่างๆ พวกเขาไม่รู้ว่าลูกจะมีความสุขที่โรงเรียนไหม หรือครูจะดูแลลูกอย่างดีหรือเปล่า…

มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นวันเกิดของเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอจึงนำเค้กก้อนใหญ่มาแบ่งทานในหมู่เพื่อนร่วมชั้นอนุบาล โดยไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นประเด็นดราม่าที่ลุกลามไปถึงครูใหญ่ของโรงเรียน

เนื่องจากในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น “เป่าเปา” เด็กชายในชั้นเรียนเดียวกัน ได้บ่นกับคุณแม่ที่มารับกลับบ้านว่า “แม่ วันนี้ทุกคนในชั้นต้องกินเค้ก แต่ครูไม่แบ่งให้หนู ซื้อเค้กให้หนูชิ้นหนึ่งได้ไหม?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกพูด เธอก็โกรธมากๆ แทนที่จะกลับบ้าน จึงตรงไปที่สำนักงานโรงเรียนอนุบาลเพื่อร้องเรียนกับครูใหญ่นอกจากจะต่อว่าครูประจำชั้นที่เลือกปฏิบัติแล้ว ยังถึงขั้นต่อว่าครูใหญ่ขาดความรับผิดชอบแล้ว

ทางด้านครูใหญ่รีบให้ความมั่นใจกับผู้ปกครองว่า “อย่ากังวล นั่งอยู่ที่นี่และดื่มน้ำสักแก้วก่อน”จากนั้นจึงบอกคนที่อยู่ข้างๆให้โทรหาครูประจำชั้นของเป่าเปา เพื่อเรียกเข้ามาชี้แจงประเด็นที่คุณแม่ร้อนใจ

ทันทีที่ครูประจำชั้นมาถึง แม่ของเป่าเปาก็ตะโกนใส่ว่า “ทำไมลูกของฉันไม่ได้กินเค้ก แต่ลูกคนอื่นมีเค้กกิน? การแยกเด็กออกจากกันเช่นนี้จะส่งผลเสียต่อจิตใจพวกเขา”

คุณครูจึงรีบชี้แจงข้อเท็จจริงว่า “คุณแม่เรื่องราวเป็นแบบนี้ เนื่องจากเป่าเปาเคยกินมะม่วงแล้วแพ้ และเค้กที่ผู้ปกครองนำมาวันนี้ก็เป็นเค้กมะม่วงที่พวกเขาทำเองที่บ้าน มะม่วงเยอะมากๆ เลยไม่กล้าให้เป่าเปาทาน เพราะกลัวว่ามันจะเกิดอาการแพ้ตอนนั้นฉันบอกเป่าเปาบอกให้กลับบ้านไปบอกแม่ แต่บางทีเป่าเปาอาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”

หลังจากฟังคุณครูอธิบายแล้ว ผู้เป็นแม่ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย อันที่จริงเธอกังวลเรื่องลูกอยู่นิดหน่อย และก็เคยโทรไปโวยวายต่อว่าคุณครูจนเป็นเรื่องใหญ่โตมาก่อน ในตอนที่ได้รู้ว่าเป่าเปาแพ้มะม่วงครั้งแรก หลังจากบังเอิญทานที่โรงเรียนเนื่องจากที่บ้านไม่มีใครทานผลไม้ชนิดนี้ เด็กจึงไม่เคยลอง ทำให้ไม่เคยรับรู้อาการแพ้

เพราะตอนนั้นแม่ของเป่าเปามีน้ำเสียงแย่มาก แสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกว่าครูขาดความรับผิดชอบมาก และย้ำด้วยว่าควรระมัดระวังในการเลี้ยงเด็กมากกว่านี้ ครูจึงให้ความสำคัญกับการกินของเด็กๆ มากขึ้นอีกนับตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อไหร่ครั้งนี้เห็นว่าเป็น “เค้กมะม่วง” จึงจำได้ทันทีว่าเป่าเปาแพ้

นั่นเป็นสาเหตุที่ทั้งชั้นเรียนได้กินเค้ก แต่ครูไม่สามารถตัดแบ่งให้เป่าเปาได้ ในขณะที่เพื่อนๆ ทานอย่างตื่นเต้น เขาจึงเป็นคนเดียวที่นั่งดูอยู่ข้างๆ พร้อมเอ่ยถามเพื่อนว่าเค้กมีรสชาติเป็นอย่างไร มันอร่อยขนาดไหน แต่แน่นอนว่าครูคงไม่ใจอ่อนให้ทานเพราะผลที่ตามมาจะไม่คุ้มเสีย

สุดท้าย แม่ของเป่าเปาจึงขอโทษทั้งครูประจำชั้นและครูใหญ่ จากนั้นจึงกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่ครูให้ความใส่ใจ เพราะหากเด็กทานเข้าไปแท้แต่น้อง ก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้

มีคำกล่าวที่ว่า “การเป็นครูอนุบาลก็เหมือนกับการเป็นลูกสะใภ้นับร้อยครอบครัว” บางทีครูใหญ่อาจเคยผ่านประสบการณ์นี้มาก่อน ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อผู้ปกครองอย่างอ่อนโยนและอธิบายอย่างใจเย็น

ในทางกลับกัน ในฐานะผู้ปกครอง เมื่อต้องสื่อสารกับครูประจำชั้นหรือทางโรงเรียน ไม่ควรแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวในทันทีก่อนอื่นคุณต้องทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น มิฉะนั้นจะทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีเอาไว้ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อลูกของตัวเองในกระบวนการพัฒนาและการเรียนรู้ที่โรงเรียน

  • ผปค.ไม่โอเค ครูอนุบาลจัดที่นอนแปลก “เท้าโดนหัวลูก” แต่รู้เหตุผลทึ่ง พ่อแม่ยังคิดไม่ถึง
  • ลูกสาว 3 ขวบ กลับจาก รร.อนุบาล ร้องซ้ำๆ “ฉี่ไม่ออก” แม่ถอดกางเกงดู โกรธจนร้องไห้!

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ