แม่ผัวแฉ วีรกรรมว่าที่ สะใภ้แสบ ลักทอง-ผ้าไหม-เอทีเอ็ม กดเงินเกลี้ยงบัญชี

Home » แม่ผัวแฉ วีรกรรมว่าที่ สะใภ้แสบ ลักทอง-ผ้าไหม-เอทีเอ็ม กดเงินเกลี้ยงบัญชี



สุรินทร์- ว่าที่ สะใภ้แสบ สลับสร้อยทองแม่ผัว เอาของปลอมมาแทน ไม่พอขโมยผ้าไหม-บัตรเอทีเอ็มกดเงินเกลี้ยงบัญชี ความแตกรีบเผ่นแนบ หลังแม่ผัวเอาสมุดบัญชีไปปรับยอดถึงช็อก ร้องสื่อกลัวคดีไม่คืบ

เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางนันทิยา อายุ 52 ปี ชาวหมู่บ้านบ่อน้ำใส ต.ตรึม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ให้ช่วนเร่งรัดคดีที่ถูกคนใกล้ตัวขโมยเงิน-ทองและผ้าไหมไป โดยเจ้าตัวให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 65 ตนได้เดินทางไปแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.เชษฏฐ์สุชา ไกรแก้วโชติรัตน์ รองผกก.(สอบสวน)สภ.สำโรงทาบ พนักงานสอบสวนเวร

แจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2565 เวลาประมาณ 09.00น. ตนนำสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ที่มีเงินคงเหลือในบัญชี จำนวน 158,567.69 บาท ให้เจ้าหน้าที่ ธกส.ปรับสมุด ปรากฏว่าเงินในบัญชีหายไป ตั้งแต่วันที่ 13-27 ส.ค. 2565 มีเงินคงเหลือในบัญชีเพียง 97.69 บาทเท่านั้น

หลังจากนั้นได้เอาสร้อยคอทองคำรูปพรรรณ ของตนเอง จำนวน 3 เส้น หนัก 1 บาท จำนวน 2 เส้น หนัก50สตางค์ 1 เส้น ไปที่ร้านทองเยาวราช ที่อำเภอศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ให้พนักงานร้านทองตรวจสอบดู ปรากฏว่ารับแจ้งจากพนักงานร้านทองว่าสร้อยคอทองคำทั้งหมดเป็นทองปลอม

พอกลับไปที่บ้านได้ตรวจสอบผ้าไหมที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าปรากฏว่าผ้าไหมหายไปหมด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าผู้ใดเป็นผู้มาขโมยไปเมื่อใด โดยหลังสอบสวน พ.ต.ท.เชษฏฐ์สุชา พบว่าเป็นเหตุเกิดในพื้นที่ สภ.หนองจอก ต.คาละแมะ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ จึงส่งเรื่องให้ ร.ต.อ.ราชันย์ แก้วบุตรดี ร้อยเวรสภ.หนองจอก รับเรื่องต่อ

นางนันทิยา ผู้เสียหาย เปิดเผยอีกว่า ตนไปแจ้งความไว้เมื่อปีที่แล้ว หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่รู้จะไปพึ่งใครจึงได้ไปปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่ จึงได้คำแนะนำว่าให้ไปร้องทุกข์กับนักข่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ส่วนบุคคลที่ตนสงสัยว่าเป็นคนก่อเหตุ คือว่าที่ลูกสะใภ้ของตนเอง ที่มีบ้านอยู่ที่อ.สำโรงทาบ โดยเมื่อปลายปี 2565 ลูกชายไปรู้จักกันทางเฟซบุ๊กและพาเข้ามาอยู่ภายในบ้านได้ประมาณ 7 เดือน

เหตุที่สงสัยเพราะลูกสะใภ้เคยขอกุญแจตู้เสื้อผ้าไปจำนวน 3 ดอกแล้วหายไป 1 ดอก พอสอบถามก็บอกว่ากุญแจมันคงมี 2 ดอก เท่านี้ก็รู้แล้ว ทำให้ตนเองถึงกับเหนื่อยล้ากับปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว อีกทั้งพอเรื่องแดงขึ้นมาลูกสะใภ้ก็หายไปจากบ้านตั้งแต่นั้นเลย

หลังรับทราบเรื่องผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.หนองจอก ได้สอบถามถึงความคืบหน้าคดีกับพนักงานสอบสวนเวร ได้รับคำตอบว่า หลังจากสอบสวน ตำรวจได้ออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งไม่ใช่คนอื่นไกลเป็นคนภายในครอบครัวของนางนันทิยาเองและเป็นคนใกล้ชิด

แต่ผู้ต้องสงสัยให้การปฏิเสธและไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จากนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกติดตามดูกล้องวงจรปิด ตามตู้เอทีเอ็มต่างๆในเขตพื้นที่สำโรงทาบและร้านทองในเขตพื้นที่อำเภอศีขรภูมิแล้ว พบผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นบุคคลเดิม ขณะนี้เตรียมออกหมายเรียกอีกครั้ง เพื่อให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนภายใน 15 วัน ถ้าหากว่าไม่มา ก็คงต้องออกหมายจับตัวผู้ต้องสงสัยต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ