ลูกเขยแจ้งความกับอดีตแม่บ้าน หลังจ้างมาดูแลแม่ยาย แต่กลับทำร้ายร่างกายจนเจ็บหนัก ฟันหัก ริมฝีปากบวม มีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย กล้องวงจรปิดในบ้านบันทึกภาพไว้ได้ เบื้องต้นแม่บ้านยอมรับว่าช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาทุบตีคุณยายไปแล้วประมาณ 30 ครั้ง ภาพวงจรปิดในบ้านที่ผู้เสียหายนำมาใช้เป็นหลักฐานบางส่วนให้ตำรวจ สน.มีนบุรี ที่เจ้าของบ้านติดตั้งไว้เพื่อติดตามดูความเคลื่อนไหว และดูอาการป่วยของคุณยายวัย 86 ปี ซึ่งคุณยายตอนนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือและดูแลตัวเองไม่ได้เลย ครอบครัวจึงจ้างแม่บ้านมาคอยดูแลคุณยายในช่วงที่ตนออกไปทำงานข้างนอก
ทีมงานเพจสายไหมต้องรอดนำรถแอมบลูแลนด์ไปรับคุณยายที่บ้านเพื่อพามาแจ้งความ จากภาพจะเห็นว่าคุณยายช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ทีมงานต้องอุ้มคุณยายจากเตียงในบ้านขึ้นเตียงของทีมงาน พาไปแจ้งความที่ สน.มีนบุรี
นายมานพ อายุ 56 ปี ลูกเขยของคุณยาย เล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้เคยจ้างแม่บ้านมาดูแลคุณยายแล้ว แต่แม่บ้านคนเก่าได้ลาออกกะทันหัน ตนจึงโพสต์หาคนดูแลแม่ในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นพยายามเลือกคนที่อยู่ใกล้ที่สุด สามารถเดินทางไป-กลับ ได้ และเจอแต่มิจฉาชีพ รวมทั้งคนที่โทรมาปั่นป่วนตลอด จึงตัดสินใจจ้างแม่บ้านคนนี้ โดยแม่บ้านคนนี้ยังบอกว่ามีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยมาแล้ว 10-20 เคส
ในช่วงแรกนั้นตนยอมรับว่าอึดอัดเพราะเป็นคนนอก แต่สุดท้ายก็รับเข้ามาดูแลคุณแม่ และให้มาอยู่กินที่บ้านด้วย ตนจึงรับเข้ามาวันที่ 11 มิถุนายน ให้ค่าจ้างวันละ 500 บาท ทำหน้าที่ป้อนข้าว และเปลี่ยนแพมเพิสให้คุณแม่ โดยในช่วงแรกแม่บ้านเป็นคนพูดจาค่อนข้างดี และช่วงแรก ๆ คุณแม่ยังดูสดชื่น แต่ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ คุณแม่เริ่มซึม ซึ่งปกติคุณแม่จะตอบโต้ได้นิดหน่อย ผงกหัวและขยับแขนได้ แต่ช่วงหลังกลับนอนซมอย่างเดียว และพอตนกลับมาจากที่ทำงานก็เห็นว่าคุณแม่ปากแห้ง อาจเป็นเพราะแม่บ้านให้กินน้ำน้อย ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก
- คดีไม่คืบ! นช.เรือนจำบางขวาง ถูกเพื่อนวางยานอนหลับ-ข่มขืน จนคิดสั้น
- เด็กชายอายุ 13 ปี ขอความช่วยเหลือ หลังถูกแม่ทำร้ายร่างกาย ที่มาเลเซีย
- กทม. ขยายเวลา คอนโดหรูย่านลาดพร้าว แก้คุณภาพน้ำ เพิ่มอีก 5 วัน
พอวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ตนกลับมาจากที่ทำงานก็ตกใจ เพราะที่ปากของคุณยายมีรอยฟกช้ำ ฟันหักไปหนึ่งซี่ พอถามแม่ก็บอกว่าฟันหัก แต่บอกไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะคุณแม่มีอาการหลง ๆ ลืม ๆ
วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ตนจึงเปิดกล้องวงจรปิดดู พบว่าแม่บ้านทำร้ายร่างกายคุณแม่ มีรอยช้ำที่ขาและแขน จึงพยายามถามแม่บ้าน ในช่วงแรกนั้นแม่บ้านยังไม่ยอมรับ ตนจึงเค้นถามอีกครั้ง จนถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 แม่บ้านก็ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายคุณแม่จริง สาเหตุที่ต้องทำร้ายเพราะคุณแม่ดื้อ และยังท้าให้ไปแจ้งความ ตนยอมรับว่าน้ำตาซึม เคยเห็นข่าวลักษณะแบบนี้มาเยอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตนเองจริง ๆ
ทางด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ครอบครัวของคุณยายประสานขอความช่วยเหลือมาที่ทีมงานสายไหมต้องรอด ตนจึงรีบเข้ามาช่วยเหลือเพราะกลัวว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้แม่บ้านคนนี้ก็จะต้องไปดูแลผู้สูงคนอื่น และอาจจะทำร้ายร่างกายผู้สูงอายุบ้านอื่นอีก ซึ่งพฤติกรรมลักษณะตนมองว่าเป็นภัยสังคม จึงพาครอบครัวผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี
ส่วนทางด้านพันตำรวจเอก ชนะวรศิณธุิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 เผยว่าเบื้องต้นจะส่งตัวคุณยายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบสำนวนทางคดี และจะเรียกผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำก่อนจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาภายหลัง เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา
นอกจากนี้ทีมข่าวยังพบอีกว่า ผู้ก่อเหตุยังใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็น สนใจรับดูแลผู้สูงอายุ พร้อมแนบเบอร์โทรศัพท์มือถือ ซึ่งทีมข่าวพยายามโทรไปหา แต่ก็ไม่มีคนรับสาย