หญิงสาววัย 28 เป็นลูกคนเดียว หลังแม่เสียชีวิตเธอได้รับมรดกเพียงน้อยนิด แต่เมื่อเธอไปที่ธนาคาร เธอถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของพนักงาน
นางสาวหลี่ หญิงสาววัย 28 ปี จากจีน เล่าว่า วันหนึ่งเธอยังทำงานอยู่ที่บริษัท จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากบ้านเกิด เป็นสายจากลุงของเธอที่กำลังสะอึกสะอื้น บอกว่า “แม่ของเธอได้จากไปแล้ว” หลี่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หูดับด้วยความช็อก จนเพื่อนร่วมงานเดินชนเธอจึงได้สติจากความงุนงง
เหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตของเธอ ตั้งแต่สมัยเด็กจนโต กลับมาฉายซ้ำเหมือนหนังในหัว พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ดังนั้น เธอจึงเติบโตมาเพียงลำพังกับแม่ เพราะครอบครัวของเธอยากจนเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เมื่อตอนโตขึ้น เธอจึงฝันถึงชีวิตที่ร่ำรวย ทำงานหนักเพื่อหาเงินและสถานะทางสังคม หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เธอได้สมัครงานที่บริษัทใหญ่ และใช้ความพยายามหลายปี จากนักศึกษาฝึกงานจนขึ้นเป็นหัวหน้า
เมื่อทำงานในเมืองใหญ่ แม้จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่เธอก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับแม่ที่อยู่ในชนบท เธอรู้ว่าแม่รู้สึกเหงาที่อยู่บ้านเพียงลำพัง แต่การที่เธอออกไปทำงานในเมืองใหญ่ก็เพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จและสร้างความภูมิใจให้กับแม่ เพื่อแสดงความกตัญญู เธอส่งเงินให้แม่ทุกเดือน
ด้วยความยุ่งยากจากการทำงาน เธอสามารถไปเยี่ยมแม่ได้แค่ปีละครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีน เธอคิดว่าคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็คงเหมือนเธอ พวกเขาส่งเงินให้พ่อแม่ทุกเดือนและคิดว่านี่คือสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ ตอนนั้นเธอก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน เธอวางแผนจะพาแม่มาพักอยู่กับเธอในเมือง แต่แม่ปฏิเสธ เธอจึงคิดว่าต้องส่งเงินให้แม่มากขึ้นเพื่อชดเชย
ผ่านไปหลายปี เธอทำงานอยู่ในเมืองใหญ่เพียงลำพัง ขณะที่แม่ก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในบ้านเล็กๆ ที่ชนบท จนกระทั่งวันที่ได้รับโทรศัพท์จากลุง เธอเพิ่งรู้ว่าแม่ได้จากไปแล้ว
เธอซื้อตั๋วกลับบ้าน เมื่อเธอเดินไปที่ประตูเห็นลุงกำลังช่วยจัดการงานศพของแม่ เธอไม่รู้ตัวว่าร้องไห้และหมดสติไปนานแค่ไหน แต่มันก็สายไปแล้ว แม่ไม่กลับมาอีกแล้ว
หลังจากงานศพ มอบทองครึ่งตำลึง (ทองคำ 1 ตำลึง เท่ากับ 37.429 กรัม) บอกว่าเป็นทรัพย์สินที่แม่ทิ้งไว้ให้เธอซึ่งมีมูลค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอรู้สึกเศร้าใจว่าแม่ไม่สามารถทำงานได้มาตลอดหลายปีและไม่มีบำเหน็จบำนาญ ดังนั้นการที่แม่ทิ้งมรดกที่น้อยนิดให้เธอก็ถือว่าเข้าใจได้ เธอดีใจที่แม่ใช้เงินทั้งหมดที่เธอส่งกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อดูแลตัวเอง คิดถึงตรงนี้ทำให้ใจของเธอรู้สึกสบายใจขึ้น เพราะคิดว่าในช่วงบั้นปลายของชีวิตแม่ แม้จะต้องเผชิญกับความเหงา แต่เธอก็ยังมีเงินที่ช่วยบรรเทาความเศร้าของวัยชรา
เข้าใจแม่ผิดมาตลอด
เธอคิดว่าแม่ใช้เงินที่เธอส่งมาให้ทุกเดือน แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด วันหนึ่งเมื่อเธอไปที่ธนาคารในบ้านเกิด เธอพบว่ามีสมุดบัญชีในชื่อของเธอ โดยมีเงินฝากรวม 150,000 หยวน (ประมาณ 7 แสนบาท) สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งขึ้นคือเมื่อเธอสอบถามพนักงานธนาคาร พวกเขาบอกว่าสมุดบัญชีนี้เป็นของขวัญที่แม่ทำให้เธอ
เธอไม่อยากเชื่อว่าแม่มีเงินมากมายขนาดนี้ เธอตระหนักว่าในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม่ไม่เคยใช้เงินที่เธอโอนให้เธอเลย นอกจากนี้ เมื่อพูดคุยกับลุง เขากล่าวว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม่ได้ทำงานรับจ้าง เช่น ไถนา ดูแลเด็กในหมู่บ้าน แม่บอกลุงว่าเธอทำงานเพื่อเก็บเงินให้มากขึ้นเพื่อลูกสาว และเพื่อลดความเหงาในวัยชรา
ก่อนที่แม่จะเสียชีวิต แม่บอกลุงว่า เธอเป็นผู้หญิงและยังไม่ได้แต่งงาน ถ้าแม่จากไปก่อนใครจะดูแล เธอคงไม่สามารถเก็บเงินได้มากมายตอนอยู่ในเมือง ดังนั้นถ้าแม่ตายไปแล้ว ให้มอบสมุดบัญชีนี้ให้เธอ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอน้ำตาไหลออกมา ก่อนที่แม่จะจากไปแม่ยังห่วงใยเธอ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอไล่ตามชื่อเสียงและเงินทองในเมืองใหญ่ โดยไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับแม่เลย เธอคิดว่าต้องทำงานหนักเพื่อส่งเงินกลับไปให้แม่ เพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่เธอทำทั้งหมดนั้นไม่ใช่สิ่งที่แม่ต้องการ ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่โอกาสที่จะกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านไปแล้วนั้นไม่มีอีกแล้ว