ข่าวทารกตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตหลังจาก “ตัดเล็บ” ทำให้เกิดเสียงระฆังเตือนพ่อแม่ หันมาใส่ใจดูแลลูกแรกเกิดมากขึ้น

สื่อต่างชาติรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 เวลาประมาณ 04.00 น. เด็กทารกอายุ 1 เดือน ถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินที่แผนกผู้ป่วยหนักเด็ก โรงพยาบาลหมายเลข 1 ในเครือมหาวิทยาลัยเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ขณะนั้นพบว่าเด็กมีแขนขาซีด และมีอัตราการเต้นของหัวใจอ่อนแอ

จากการสอบถามครอบครัวพบว่า สมาชิกในครอบครัวได้ตัดเล็บให้ทารกวัย 1 เดือน แต่บังเอิญไปตัดโดนผิวหนังบางส่วนต่อมาพ่อแม่ของเด็กพบว่านิ้วของลูกบางส่วนเป็นสีแดง เริ่มมีอาการท้องเสีย ผื่นแดงขึ้นทั่วร่างกาย และหากมีการสัมผัสผิวหนัง ก็จะเห็นเป็นแผ่นหนังลอกออกมา เมื่ออาการรุนแรงขึ้นทารกจะมีไข้สูงและชักเกร็งอย่างต่อเนื่อง

แพทย์กล่าวว่า ทารกป่วยด้วยอาการช็อคจากพิษ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว รวมถึงหัวใจล้มเหลว ตับวายเฉียบพลัน อาการบาดเจ็บที่ไต ซึ่งส่งผลให้ชีวิตของเด็กถูกคุกคามอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาการช็อคจากพิษ (Toxic Shock Syndrome) ที่อันตรายถึงชีวิต ซึ่งมักเกิดจากสารพิษจากแบคทีเรีย โรคนี้มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยมีอาการไข้สูง ผื่นรุนแรง หมดสติ และแม้แต่อวัยวะหลายส่วนล้มเหลว

แพทย์จากหลายแผนกได้วางแผนการรักษาผู้ป่วยโดยเฉพาะ ทีมพยาบาลยังใช้มาตรการดูแลที่พิถีพิถันหลายอย่างเพื่อช่วยให้เด็กฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากตัดสินใจใช้วิธีป้องกันการช็อก ป้องกันการติดเชื้อ กรองเลือด และใส่เครื่องช่วยหายใจให้ทารก อาการติดเชื้อจึงค่อยๆ ดีขึ้น หลังจากเข้ารับการรักษาในห้องไอซียูเป็นเวลา 30 วัน ในช่วงต้นเดือนกันยายน จึงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการติดเชื้อที่ผิวหนังอย่างรุนแรงและเนื้อตาย ขาซ้ายจึงเสี่ยงต่อความพิการตลอดชีวิต และผิวหนังที่อยู่ในภาวะลอกอย่างรุนแรงก็สามารถทิ้งรอยแผลเป็นได้ง่าย และขณะนี้บาดแผลที่ขาซ้ายของเด็กยังได้รับการตรวจรักษาพยาบาลอยู่อย่างต่อเนื่อง

คุณหมอกล่าวว่า การตัดเล็บอาจทำให้ผิวหนังฉีกขาดหรือทำให้เกิดการติดเชื้อที่แผลเล็กๆ มักเกิดขึ้นกับทารกแรกเกิด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกายทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ดังนั้น เตือนผู้ปกครองควรใส่ใจการตัดเล็บหรือบาดแผลเล็กๆ ของเด็กอายุต่ำกว่า 3 เดือนเป็นพิเศษ หากพบสัญญาณการอักเสบหรือการติดเชื้อ เช่น ผื่นแดง บวม หรือมีไข้สูง ควรพาเด็กไปรักษาที่สถานพยาบาลโดยเร็วที่สุด ไม่ควรดูแลรักษาด้วยตัวเองที่บ้าน

• ด.ช. 9 ขวบ มีนิ่วในท้อง 56 ก้อน หมอเผยต้นเหตุทำแม่ทรุด ที่แท้คือสิ่งที่ให้ลูกกินทุกวัน
• แม่เอะใจ ลูกวัย 1 ขวบ กินโจ๊กที่ “พี่เลี้ยง” ทำให้เท่านั้น ลองชิมคำเดียวไล่ออกทันที