แม่ค้าขายไก่แนะรัฐบาลประกาศคุมราคา ควรทำมาแต่ต้นทางเพราะร้านค้าคือปลายทางที่ต้องขายตามกลไกตลาด ขณะที่ราคาไก่ปรับแพงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ที่ตลาดสดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อสำรวจราคาขายเนื้อไก่ ภายหลัง ครม.พิจารณา กำหนดให้เป็นสินค้าควบคุมประจำปี 2567 จำนวน 5 รายการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอประกอบด้วย หน้ากากอนามัย ,ใยสังเคราะห์ (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย ,ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ ,เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก ,ไก่และเนื้อไก่ ซึ่ง จากการสำรวจพบว่าราคาขายปลีกเนื้อไก่สูงขึ้นและบางชิ้นส่วนแพงเป็นประวัติการณ์ขณะที่แม่ค้าต้องการให้รัฐบาลคุมราคาตั้งแต่ต้นทางไม่ใช่มาคุมราคาที่ปลายทาง
น.ส.พิชชญา เพ็งโฉม อายุ 52 ปี เจ้าของร้านพิชชญไก่สด กล่าวว่า ยอมรับว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีอยากให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าไม่อยากให้แพงไปมากกว่านี้เพราะตอนนี้ราคาสูงขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างเช่นขาไก่ตัดเล็บ เดิมขายที่ราคา กก. ละ 80 บาท ตอนนี้ขึ้นมาเป็น กก.ละ110 บาท ปีกเต็ม เดิม กก.ละ 90 บาท ขึ้นเป็น กก.ละ 100 บาท ปีกปลายเดิม กก.ละ 90 บาท ขึ้นเป็น กก.ละ125 บาท
“ราคามีการปรับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ที่ผ่านมาของแพงขายก็ยากอยู่แล้ว ลูกค้าก็ซื้อน้อยลง ดังนั้นการที่รัฐบาลสั่งให้คุมราคาไก่และเนื้อไก่ก็ควรจะคุมมาจากโรงงานไก่หรือคุมมาจากต้นทางเพราะร้านขายที่ตลาดเป็นเพียงแค่ปลายทางซึ่งก็รับซื้อต่อมาอีกที ซึ่งถ้าต้นทางแพงปลายทางก็ต้องแพงด้วยซึ่งก็เป็นไปตามกลไกการตลาดซึ่งถือว่าแพงมากในปีนี้”
น.ส.พิชชญา กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าบรรยากาศการซื้อขายช่วงนี้เงียบมากถ้าคุมราคาจริงๆอยากให้มีราคาขายปลีกที่เหมาะสมไม่ควรเกินกิโลกรัมละ 70 บาท ถ้าอยู่ระหว่างราคา 60-70 จะขายง่ายตอนนี้ราคาเกือบทุกชิ้นส่วนเกิน 70 บาทต่อกิโลกรัมไปเกือบทุกชนิดแล้วอยากให้คุมราคาที่ต้นทางมากกว่าจะมาคุมราคาที่ปลายทางแบบนี้จะเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภคได้มากกว่า