แม่กังวล ลูกชาย 7 ขวบ ชอบกิน “ตับ” ปรึกษาหมอชัดๆ เด็กกินเยอะๆ อันตรายไหม กินอย่างไรไม่ต้องกังวลเรื่องพิษในร่างกาย?
“ตับ” เป็นอาหารที่หลายๆ คนชอบกิน แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าการกินตับจะทำให้สารพิษในร่างกายเพิ่มมากขึ้น เพราะตับถือเป็นนี่คืออวัยวะในการล้างพิษ จึงกังวลว่าอาจเป็นส่วนที่สะสมสารพิษไว้เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด มีคุณแม่ชาวเวียดนามที่กังวลเรื่องนี้เช่นเดียวกัน และได้ส่งคำถามมาปรึกษาและขอคำแนะนำจาก Dr.Lê Văn Thiệu แพทย์โรงพยาบาลโรคเขตร้อนกลาง โดยระบุว่า
สวัสดีคุณหมอ
ลูกชายวัย 7 ขวบของฉันชอบกินตับ โดยเฉพาะตับหมูต้มจนทั้งหอมและนุ่ม อย่างไรก็ตาม ฉันได้อ่านเจอมาว่าตับเป็นอวัยวะในการล้างพิษ และสะสมสารพิษไว้มากมาย ดังนั้น เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายอาจจะดูดซับสารพิษเหล่านั้น
รบกวนช่วยแนะนำ การกินตับจะปนเปื้อนสารพิษหรือไม่? ต้องกินอย่างไรให้ถูกวิธี?
ขอบคุณคุณหมอ
ในเรื่องนี้คุณหมอได้ให้ความรู้ว่าอตับเป็นอวัยวะที่ช่วยล้างพิษก็จริง แต่สารพิษจะไม่สะสมอยู่ในตับ เพราะตับจะเปลี่ยนเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ จากนั้นจึงถ่ายออกจากตับและออกจากร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ถูกต้องที่จะบอกว่าตับเป็นสถานที่สะสมสารพิษ
นอกจากนี้ ตับยังเป็นอวัยวะที่มีโปรตีนมากที่สุด อุดมไปด้วยวิตามินเอและธาตุเหล็กจำนวนมาก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นสารที่ดีสำหรับเด็กที่เป็นโรคโลหิตจางและภาวะทุพโภชนาการ
โดยฤทธิ์ในการให้ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางและการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งดีต่อเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีวัยเจริญพันธุ์ส่วนวิตามินเอก็ช่วยบำรุงสายตา เพิ่มความต้านทาน และการเจริญเติบโตในเด็ก
ดังนั้น การกินตับในปริมาณที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่ดี ไม่เป็นพิษ
อย่างไรก็ตาม ตับมีคอเลสเตอรอลจำนวนมาก จึงไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบเผาผลาญ เช่น ไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดแข็ง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคเกาต์ โรคไต และผู้ที่มีน้ำหนักเกิน , ไขมัน
เมื่อเลือกตับเป็นอาหาร จะต้องเลือกตับสดสีแดงเข้มที่ไม่มีก้อนบนผิวตับ หลีกเลี่ยงการซื้อตับจากหมูที่มีอาการป่วยหรือหมูตาย
เมื่อซื้อแล้วให้หั่นตับเป็นชิ้นบางๆ ล้างด้วยน้ำเย็น แล้วใช้กระดาษทิชชูซับเลือดให้แห้งทั้งหมด เพื่อให้สารพิษในเลือดของตับจึงถูกกำจัดออกไป เหลือเพียงเซลล์ตับที่อุดมไปด้วยสารอาหารเท่านั้น
ในส่วนของปริมาณการรับประทานนั้น ควรทานตับเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยครั้งละ 50-70 กรัมสำหรับผู้ใหญ่ และ 30-50 กรัมสำหรับเด็ก