แม่กอดรูปร้องไห้ ค่ายทหารควรใส่ใจมากกว่านี้ หลังลูกชายป่วยหนัก กลับมาสิ้นใจที่บ้าน

Home » แม่กอดรูปร้องไห้ ค่ายทหารควรใส่ใจมากกว่านี้ หลังลูกชายป่วยหนัก กลับมาสิ้นใจที่บ้าน


แม่กอดรูปร้องไห้ ค่ายทหารควรใส่ใจมากกว่านี้ หลังลูกชายป่วยหนัก กลับมาสิ้นใจที่บ้าน

แม่กอดรูปร้องไห้ ค่ายทหารควรใส่ใจมากกว่านี้ หลังลูกชายป่วยหนัก ทรมานอยู่ 3 เดือน ส่งไปหาหมอได้แค่ยามากิน สุดท้ายรู้เป็นมะเร็ง กลับมาสิ้นใจที่บ้าน

วันที่ 27 ม.ค.65 นางมนัสนันท์ เทอร์เรลล์ อายุ 53 ปี ชาวบ้าน ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ลูกชายซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ เสียชีวิตเพราะไม่ได้รับการรักษา อยากให้เป็นเคสตัวอย่าง ให้ค่ายทหารแต่ละค่าย ควรจะเอาใจใส่ลูกน้องให้ดีกว่านี้

นางมนัสนันท์ เล่าว่า เมื่อปี 2563 นายสิทธิศักดิ์ หรือเจ ทองทา ซึ่งตอนนั้นอายุได้ 21 ปี ถึงวัยเกณฑ์ทหาร ลูกชายจึงสมัครโดยไม่ต้องจับฉลาก เพราะอยากเป็นทหาร เดือนกันยายน 2563 ลูกชายถูกส่งไปเข้าค่ายที่ กรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งจะต้องอยู่ฝึกทหารเป็นเวลา 1 ปี เพราะสมัครเข้าไป โดยระหว่างที่เข้าค่าย ลูกชายจะติดต่อโทรศัพท์และคุยไลน์หากันตลอดเวลา

ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนจะปลดประจำการ ลูกชายเริ่มบอกตนว่า ไม่สบาย มีอาการปวดหัวรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ แจ้งให้กับครูฝึกหลายครั้ง ถูกส่งไปหาหมอ ได้แค่ยามากินอยู่ค่าย แต่ก็ไม่หายจากอาการปวด แต่ไม่กล้าบอกครูฝึกมาก เพราะกลัวถูกทำโทษ จึงจำเป็นส่งยาแก้ปวดจากบ้านไปให้ ในแต่ละวันลูกชายจะแจ้งมาทางไลน์ว่า ปวดสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกสงสารลูกมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ไปเยี่ยมไม่ได้ และห้ามลูกชายกลับบ้าน เพราะเป็นช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นางมนัสนันท์ เล่าทั้งน้ำตาว่า สุดท้ายลูกชายถึงเวลาปลดประจำการเมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 โดยได้เหมารถตู้ไปรับกลับบ้าน แล้วมากักตัว 14 วัน ที่ อ.โนนดินแดง โดยระหว่างที่อยู่กักตัว ลูกชายอาการทรุดหนัก ต้องหามส่ง ร.พ.โนนดินแดง แล้วถูกส่งตัวไปที่ อ.นางรอง กระทั่งหมอระบุพบโรคระเร็งในต่อมน้ำเหลือง ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ ร.พ.ศูนย์บุรีรัมย์ แล้วเสียชีวิตคืนวันที่ 30 ก.ย.64

การที่ตนออกมาร้องสื่อในครั้งนี้ ไม่ต้องการจะกล่าวโทษใคร ไม่เรียกร้องเงินทองแต่อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์ เพราะใกล้จะถึงเวลาคัดเลือกทหารในเดือนเมษายนนี้ ว่าอยากให้ค่ายทหารแต่ละค่าย ให้ดูแลลูกน้องของตัวเอง ไม่ควรปล่อยปะละเลย เหมือนลูกชายของตน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคอะไร เพราะไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ