แมวหลุดจากบ้าน ไต่รถหรู-เจอเรียกค่าเสียหายหลักแสน เรื่องไม่จบ-สู้ถึงศาล

Home » แมวหลุดจากบ้าน ไต่รถหรู-เจอเรียกค่าเสียหายหลักแสน เรื่องไม่จบ-สู้ถึงศาล


แมวหลุดจากบ้าน ไต่รถหรู-เจอเรียกค่าเสียหายหลักแสน เรื่องไม่จบ-สู้ถึงศาล

แมวหลุดจากบ้าน ไต่รถหรู-เจอเรียกค่าเสียหายหลักแสน เรื่องไม่จบ-สู้ถึงศาล เจ้าของแมวอยากได้รับความยุติธรรม เพราะมองว่าไม่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. นางบี (นามสมมติ) เปิดเผยกับข่าวสดออนไลน์ หลังโพสต์คลิปลงติ๊กต็อกว่าถูกเพื่อนบ้านฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 100,000 บาท จากการที่แมวบ้านตัวเองไปปีนหลังคารถ 2 คันว่า

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ต.ค.63 หลังลูกตนมาเล่าว่า ช่วงเช้าเปิดประตูกำลังจะออกไปขึ้นรถโรงเรียน แต่แมวในบ้านวิ่งออกไปท่ามกลางฝนที่ตกอยู่ ซึ่งลูกก็ตามหาอยู่สักพัก แต่ไม่เจอ เลยต้องขึ้นรถไปก่อน กระทั่งช่วงบ่าย เพื่อนบ้านรายนี้ส่งคลิปแมวของตนปีนรถสปอร์ตยี่ห้อโลตัส สีเหลือง และรถบีเอ็มดับเบิลยู สีดำ ไปให้สามีดู สามีบอกให้ตนทราบและจะขอไปดูความเสียหาย

พอช่วงค่ำเข้าไปดู ก็เห็นเพียงรอยเท้าแมวเปื้อนดิน สามีก็ถามไปว่ารอยที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการใช้งานหรือไม่ เขาก็ยืนยันว่าเกิดจากแมว และเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท โดยอ้างไปประเมินราคามาแล้ว จะให้จ่ายสดหรือผ่อนก็ได้ ไม่งั้นจะแจ้งความ ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน และบ้านเขายังเคยมานั่งดื่มเบียร์ที่บ้านตนกันด้วย

นางบี เล่าต่อว่า ตอนแรกตนก็ไปคุยไกล่เกลี่ย ยอมรับว่าผิดจริงที่ปล่อยแมวออกไปจากเหตุสุดวิสัย พร้อมที่จะใช้ค่าเสียหายที่สมเหตุสมผล ไม่ได้นิ่งดูดาย แต่ทราบมาว่าเขาซื้อรถยี่ห้อโลตัส มือสองคันนี้ผ่านมาถึงเขาเป็นมือที่ 4 แล้ว และเอาออกไปใช้งานบ่อย ไม่ทราบว่าจะเกิดจากร่องรอยอื่นหรือไม่ อีกทั้งก่อนเกิดเรื่อง ยังเคยมีสุนัขจรจัดวิ่งเข้าไปตะกุยตะกายรถเขา เพราะไม่ชอบปิดประตูบ้าน แต่ยังตกลงกันไม่ได้

กระทั่งมาทราบทีหลัง ตอนมีหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ลำลูกกา ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้สัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ซึ่งตำรวจบอกกับตนให้รับสารภาพว่าเป็นแมวตัวเองจริง ส่วนเรื่องอื่นให้ไปสู้กันชั้นศาล ตนยังยืนยันว่าเหตุที่แมวหลุดไปเป็นเรื่องสุดวิสัย กระนั้นก็เสียค่าปรับไป 500 บาท จนมีนัดไกล่เกลี่ยที่ศาลถึง 2 ครั้ง คู่กรณีก็ไม่มา กระทั่งครั้งสุดท้ายไปพบกันก็ตกลงไม่เอาเรื่องกัน ฝ่ายนั้นไม่ติดใจเอาเงินอะไร แต่พอหมดวัน เขาก็มาหาตนที่บ้าน บอกว่าให้โอนเงิน 5 หมื่นบาทไปให้เขา โดยไม่ต้องบอกใคร ตนก็ไม่ยอม บอกให้ไปคุยกันดีๆ มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร เขาก็ไม่ยอม ก็ไม่ทราบว่าเป็นการเรียกเงินไปเปลี่ยนสีสติ๊กเกอร์รถเองหรือไม่ เพราะตอนนี้รถเป็นสีอื่นแล้ว และเรื่องจึงลากยาวมาหลายปีเช่นนี้

ศาลชั้นต้นตัดสินให้ตนจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 57,000 บาท โดยตนกำลังยื่นอุทธรณ์อยู่ ซ้ำล่าสุดยังถูกบริษัทประกันภัยของรถบีเอ็ม ฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นเงินอีก 59,000 บาทเศษ ตนก็อยากได้รับความยุติธรรม เพราะมองว่าไม่ถูกต้อง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ